“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
อาการนอนกรน ภัยเงียบที่ไม่ได้มีแค่ความน่ารำคาญ ใครเป็นอยู่ต้องเช็ก !
การนอนกรน เป็นอาการที่พบได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง และเป็นอาการที่สร้างความรำคาญให้กับคนที่นอนด้วย ซึ่งความรุนแรงและผลกระทบต่อสุขภาพอาจแตกต่างกันไป การกรนอาจจะเสียงเบาเป็นครั้งคราว หรือบางครั้งอาจจะเสียงดังจนน่ารำคาญ ซึ่งนั่นอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติของการหายใจที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับที่ร้ายแรง และส่งผลให้เป็นปัญหาเรื้อรังได้ และเพื่อที่ทุกคนจะทำความรู้จักภัยเงียบของ อาการนอนกรน ในบทความนี้ เพื่อสุขภาพจะพาไปรู้ถึงสาเหตุ อันตราย วิธีการรักษา และการแก้ปัญหานอนกรน ที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้น
อาการนอนกรน เกิดจากอะไร ? อันตรายแค่ไหนมาดูกัน !
การนอนกรนเป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ซึ่งเกิดจากการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในช่องคอและจมูกขณะหายใจ อาการนี้มักเป็นสัญญาณบอกเหตุของปัญหาสุขภาพที่อาจซ่อนอยู่ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคอ้วน หรือความผิดปกติของโครงสร้างทางเดินหายใจ หากพบว่านอนกรนมากผิดปกติหรือส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและหาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม ใครที่เป็นอยู่ ลองมาทำความเข้าใจ และดูแลตัวเองกันค่ะ
อาการนอนกรน คืออะไร ?
การนอนกรน คือ การหายใจที่มีเสียงดังขณะนอนหลับ เป็นอาการทั่วไปที่อาจส่งผลกระทบต่อทุกคน แม้ว่าจะเกิดขึ้นบ่อยกว่าในผู้ชายและในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน แต่การกรนมีแนวโน้มที่จะแย่ลงตามอายุ ซึ่งการกรนเป็นครั้งคราวมักไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงเรื่องน่ารำคาญสำหรับคู่นอนของคุณจนอาจทำให้นอนไม่หลับ แต่ถ้าคุณมีอาการนอนกรนมาเป็นเวลานาน ไม่เพียงแต่รบกวนรูปแบบการนอนหลับของคนใกล้ชิดเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อคุณภาพการนอนหลับของคุณเองด้วย เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอีกด้วย
สาเหตุ คืออะไร ?
การนอนกรนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยในชีวิตประจำวัน ซึ่งสร้างความรำคาญให้กับทั้งผู้กรนและผู้ร่วมห้องนอน และยังอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้เสียงดังกังวานนั้น เรามาดูสาเหตุกันค่ะ
1. โครงสร้างทางเดินหายใจตอนบน
เมื่อกล้ามเนื้อบริเวณคอและลิ้นไก่ผ่อนคลายมากเกินไปขณะหลับ ช่องทางอากาศจะแคบลงและสั่นสะเทือน โดยเฉพาะในคนที่มีเพดานอ่อนยาวหรือลิ้นไก่ใหญ่กว่าปกติ ทำให้อากาศไหลผ่านด้วยความยากลำบากและเกิดเสียงดังกังวาน
2. น้ำหนักตัวเกิน
ไขมันส่วนเกินบริเวณคอ และใบหน้า จะไปกดทับเส้นทางเดินหายใจ ทำให้เนื้อเยื่อในช่องคอมีขนาดใหญ่ขึ้น ลดพื้นที่การหายใจ และเพิ่มแรงดันที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของเยื่อเมือก ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) เกิน 25 จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น
3. การดื่มแอลกอฮอล์ หรือยานอนหลับ
สารเหล่านี้จะไปกดประสาทส่วนกลางที่ควบคุมการหายใจ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอผ่อนคลายมากเกินไป ส่งผลให้เส้นทางหายใจตีบแคบและเกิดเสียงกรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าดื่มใกล้เวลานอน
4. โรคทางเดินหายใจ
ภาวะอักเสบหรือการอุดตันในโพรงจมูกจะทำให้การไหลของอากาศติดขัด เช่น โรคภูมิแพ้ที่ทำให้เยื่อบุจมูกบวม ไซนัสอักเสบ หรือความผิดปกติทางโครงสร้าง เช่น กระดูกกั้นจมูกคด ทอนซิลโต จะยิ่งเพิ่มโอกาสการนอนกรน
5. อายุ และเพศ
เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อจะค่อยๆ สูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้ช่องทางเดินหายใจแคบลง ผู้ชายมักมีโอกาสนอนกรนมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากมีโครงสร้างทางกายวิภาคของช่องคอที่แตกต่างกัน
6. การนอนหงาย
ท่านอนนี้จะทำให้ลิ้นและเพดานอ่อนตกลงไปปิดกั้นช่องทางหายใจ เกิดการสั่นสะเทือนและเสียงกรน การใช้หมอนรองรับคอให้สูงขึ้นหรือนอนตะแคงอาจช่วยลดอาการได้
เกร็ดสุขภาพ : ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจนำไปสู่การกรน ได้แก่ ผู้ชายจะมีแนวโน้มที่จะกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับมากกว่าผู้หญิง รวมถึงผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนมักจะกรนหรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น นอกจากนี้คนที่มีประวัติครอบครัวนอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับอุดกั้น การถ่ายทอดทางพันธุกรรมก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
รักษาอาการนอนกรน ยังไงดี ?
สำหรับผู้ที่นอนกรนไม่บ่อยหรือเป็นเบื้องต้น การรักษาอาจไม่จำเป็น เว้นแต่จะเป็นการรบกวนการนอนหลับของคนที่พวกเขาอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งการรักษารวมถึงแก้ปัญหานอนกรนขึ้นอยู่กับลักษณะของการกรน และประเภทของปัญหาที่เกิดขึ้น โดยแพทย์จะเลือกใช้การรักษา ดังนี้
- การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น ลดน้ำหนัก เลิกสูบบุหรี่ หรือเลิกดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน
- สวมอุปกรณ์พลาสติกขนาดเล็กในปากขณะนอนหลับ จะช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดได้โดยการขยับกรามหรือลิ้น
- การผ่าตัด แพทย์อาจถอดหรือหดเนื้อเยื่อในลำคอ หรือทำให้เพดานอ่อนแข็งขึ้นด้วยการผ่าตัด
- ใช้อุปกรณ์แก้กรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือ CPAP คือ การใช้ความดันอากาศส่งผ่านท่ออากาศเข้าสู่หน้ากากที่ครอบอยู่เหนือปากและจมูก โดยใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และอาจลดการกรนโดยการเป่าลมเข้าไปในทางเดินหายใจในขณะที่นอนหลับได้
อันตรายจากการนอนกรน คืออะไร ?
อาการนอนกรนที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น อดนอน ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ รวมถึงมีน้ำหนักตัวมากนั้น อาจไม่ส่งผลต่ออันตรายต่อสุขภาพมากนัก แต่หากการนอนกรนนั้นมาจากการมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA) มักจะมีอาการกรนดังๆ และตามมาด้วยความเงียบเป็นระยะๆ เมื่อหยุดหายใจหรือเกือบจะหยุดในที่สุด การหายใจที่ลดลงหรือหยุดชั่วคราวนี้อาจส่งสัญญาณให้คุณตื่น และอาจตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงหายใจดังหรือเสียงหอบ ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นมักมีช่วงเวลาที่หายใจช้าลงหรือหยุดอย่างน้อย 5 ครั้งในแต่ละชั่วโมงของการนอนหลับ หากคุณมีอาการเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้อาจบ่งชี้ว่าการกรนของคุณเกี่ยวข้องกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น ดังนั้น ควรไปพบแพทย์จะดีที่สุด
เกร็ดสุขภาพ : การกรนเป็นนิสัยอาจเป็นมากกว่าความรำคาญ นอกจากรบกวนการนอนหลับของคู่นอนแล้ว หากการกรนเกี่ยวข้องกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับอุดกั้น ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ด้วย ได้แก่ ง่วงนอนตอนกลางวัน หงุดหงิดหรือโกรธบ่อย ขาดสมาธิ เสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และหลอดเลือดสมองมากขึ้น รวมถึงมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของอุบัติเหตุทางรถยนต์เนื่องจาการอดนอนด้วยค่ะ ซึ่งหากอดนอนเพราะนอนกรนนั้น จะใช้วิธีนอนกลางวันดีไหม ก็ต้องบอกว่าการงีบเป็นเวลาสั้นๆ จะช่วยให้เราหายง่วงนอนระหว่างวันได้ค่ะ
อยากรักษาอาการนอนกรน ต้องดูแลตัวเองยังไง ?
- นอนตะแคง
- ยกหัวเตียงขึ้น 2-3 นิ้ว
- ใช้แถบยางยืดที่ติดกับสันจมูกเพื่อขยายรูจมูก
- ใช้สารคัดหลั่งเพื่อเปิดทางเดินหายใจ แต่ห้ามใช้เกิน 3 วันโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
ผลกระทบที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของอาการนอนกรน คือ คนที่นอนร่วมเตียงหรือห้องนอนร่วมกับคนกรน การกรนเรื้อรังอาจขัดจังหวะการนอนหลับและอาจสร้างความตึงเครียดในครอบครัว การหยุดกรนจึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่เร่งด่วนที่สุด แต่ก็ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ เสมอไป ซึ่งการใช้ที่อุดหูอาจช่วยให้คู่นอนรับมือกับการกรนได้ หากคุณเป็นคนที่นอนกรน อย่าลืมสังเกตตัวเอง หรือให้คนที่นอนด้วยช่วยบอก เพราะหากเรามีการกรนพร้อมกับการหายใจที่ปกติ จะได้รีบทำการรักษาก่อนสายนั่นเองค่ะ
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ