X

โรคเลือด มีอะไรบ้าง ? แต่ละโรคเกิดจากอะไร ? ป้องกันได้แค่ไหน ? มาทำความรู้จักแต่ละโรคกัน !

เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡

โรคเลือด มีอะไรบ้าง ? แต่ละโรคเกิดจากอะไร ? ป้องกันได้แค่ไหน ? มาทำความรู้จักแต่ละโรคกัน !

โรคเลือด (Blood Disorders) หมายถึง ภาวะผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับเลือดและองค์ประกอบของเลือด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของเม็ดเลือด, ภาวะการแข็งตัวของเลือก และการที่เกิดสารผิดปกติในเลือด ซึ่งในบทความนี้ เพื่อสุขภาพ จะมาแนะนำเกี่ยวกับ โรคเลือด มีอะไรบ้าง ให้ผู้อ่านได้เข้าใจ เพื่อดูแลสุขภาพกันค่ะ

โรคเลือด มีอะไรบ้าง ? รวม 9 โรคเลือด ที่เจอบ่อยๆ พร้อมรายละเอียด เข้าใจทันที !

สาเหตุของโรคเลือดมีได้หลายอย่าง เช่น พันธุกรรม ภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ การติดเชื้อ อุบัติเหตุ หรือผลข้างเคียงจากการรักษาโรคบางชนิด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ ได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ดังนั้นการตรวจเลือดเป็นประจำ การรับการรักษาตามสาเหตุ เช่น ให้เลือด ยาเคมีบำบัด หรือการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด จะช่วยควบคุมอาการของโรคเลือดได้ดีขึ้น ลองมาดูรายละเอียดของทั้ง 9 โรคเลือดกันในบทความนี้ได้เลยค่ะ

โรคเลือด มีอะไรบ้าง, โรคเลือด
Image Credit : freepik.com

ลักษณะของโรคเลือด มีอะไรบ้าง ?

  1. ภาวะเม็ดเลือดขาดหรือผิดปกติ เช่น โลหิตจาง เกิดจากการขาดเม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบิน, มะเร็งเม็ดเลือดขาว การแบ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวผิดปกติ, ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ, เม็ดเลือดแข็งผิดปกติ เช่น โรคธาลัสซีเมีย
  2. ภาวะเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เช่น เลือดออกง่าย เกิดจากปัจจัยการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ, เลือดจับกันเป็นก้อนง่าย เสี่ยงต่อการอุดตันหลอดเลือด
  3. ภาวะเลือดมีสารอื่นผิดปกติ เช่น ภาวะไขมันในเลือดสูง เสี่ยงต่อหลอดเลือดอุดตัน,  ภาวะเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ เลือดมีน้ำตาลสูงผิดปกติ

น้ำตาลหล่อฮั่งก๊วยเสริมน้ำตาลอิริทริทอล สีทอง 0 แคล ✔ คีโต ขนาด 200กรัม

โรคเลือด มีอะไรบ้าง ?

1. ภาวะโลหิตจาง (Anemia)

คือ ภาวะที่ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบินต่ำกว่าปกติ ทำให้ส่งออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายได้ไม่เพียงพอ

สาเหตุ :

  • การขาดธาตุเหล็ก เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เนื่องจากธาตุเหล็กมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง อาจเกิดจากการได้รับธาตุเหล็กจากอาหารไม่เพียงพอ หรือร่างกายสูญเสียเลือดมาก
  • การขาดวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี12 และโฟเลต ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดเลือดแดง 
  • ภาวะการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงมากเกินไป อาจเกิดจากโรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น โรคธาลัสซีเมีย หรือการติดเชื้อบางชนิด
  • การสูญเสียเลือดมากๆ เช่น ประจำเดือนมากผิดปกติ แผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้

อาการ :

อาการที่อาจพบได้จะรุนแรงมากน้อยแตกต่างกันไปตามสาเหตุ และระดับความรุนแรงของภาวะเลือดจาง บางรายอาจไม่แสดงอาการใดๆ ซึ่งต้องตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัย หากพบภาวะเลือดจางร่วมกับอาการอื่นๆ ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้ แนะนำว่าควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรักษาอย่างเหมาะสมค่ะ

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • ผิวหนังซีดเผือด
  • หายใจหอบเร็ว ใจสั่น เวียนศีรษะ 
  • เจ็บหน้าอก หายใจไม่สะดวก
  • นอนไม่หลับ ขาดสมาธิ
  • เล็บและริมฝีปากซีด
  • ผมร่วง และบางลง
  • เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ

การรักษา :

จะขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดโรค เช่น ให้ธาตุเหล็กเสริมในรายที่ขาดธาตุเหล็ก, ให้วิตามินบี12 และโฟเลต ในรายที่ขาดสาร, ให้ยารักษาโรคทางพันธุกรรม หรือโรคติดเชื้อหากเป็นสาเหตุ, ให้การถ่ายเลือด ในรายที่สูญเสียเลือดมากจนต้องได้รับเลือด

การป้องกัน :

รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก วิตามิน และสารอาหารเกี่ยวข้องอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงการสูญเสียเลือดโดยไม่จำเป็น และพบแพทย์เพื่อการตรวจคัดกรองและรักษาอย่างทันท่วงที

2. โรคเลือดออกไม่หยุด หรือ โรคเลือดออกง่ายตามกรรมพันธุ์ (Hemophilia)

เป็นโรคพันธุกรรมที่ทำให้ร่างกายขาดปัจจัยการแข็งตัวของเลือด ส่งผลให้เลือดไม่สามารถแข็งตัวและหยุดการไหลได้ตามปกติ ซึ่งโรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรมที่รักษาหายไม่ได้ แต่สามารถควบคุมอาการได้หากได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม

สาเหตุ :

  • เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้ขาดแฟคเตอร์การแข็งตัวของเลือด โดยเฉพาะแฟคเตอร์ 8 และ 9
  • ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบรีเซสซีฟ ติดต่อผ่านยีนบนโครโมโซมเพศหญิง แต่เป็นเพศชายเป็นหลัก

อาการ :

  • เลือดไหลออกจากแผลไม่หยุด ทั้งจากภายในและภายนอกร่างกาย 
  • มีรอยช้ำง่าย เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล และข้ออักเสบจากเลือดคั่งเนื่องจากเลือดออกในข้อ

การรักษา :

  • ฉีดแฟตเตอร์เข้าหลอดเลือดดำเพื่อให้เลือดที่ขาดไปได้รับการทดแทน
  • รักษาตามอาการ เช่น ให้เลือดถ้าเลือดออกมาก ให้ยาแก้ปวดถ้ามีอาการข้ออักเสบ
  • ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจต้องรับแฟคเตอร์เพื่อให้เลือดแข็งตัว เพื่อลดความเสี่ยงจากอาการแทรกซ้อน

การป้องกัน :

  • ไม่สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม
  • ผู้ป่วยต้องได้รับการดูแล และรับแฟคเตอร์การแข็งตัวของเลือดอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อน
  • หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ การทำให้เลือดออก
  • ตรวจคัดกรองทางพันธุกรรมและการปรึกษาก่อนตั้งครรภ์อาจช่วยลดการถ่ายทอดโรคไปยังรุ่นต่อไป

เกร็ดสุขภาพ : แฟคเตอร์ 8 และ 9 เป็นโปรตีนสำคัญที่ร่างกายต้องการในกระบวนการแข็งตัวของเลือด โดย แฟคเตอร์ 8 (Factor VIII หรือ Anti-hemophilic factor) นั้น เป็นโปรตีนที่จำเป็นในขั้นตอนการเกาะกลุ่มและก่อตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งผู้ป่วยโรคเลือดออกง่ายตามกรรมพันธุ์ประเภทเอ (Hemophilia A) จะขาดปัจจัยนี้ ส่วนแฟคเตอร์ที่ 9 (Factor IX หรือ Christmas factor) เป็นโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญในการเริ่มต้นปฏิกิริยาลูกโซ่ของการแข็งตัวของเลือด ซึ่งผู้ป่วยโรคเลือดออกง่ายตามกรรมพันธุ์ประเภทบี (Hemophilia B) จะขาดปัจจัยนี้ ซึ่งเมื่อร่างกายขาดแฟคเตอร์เหล่านี้ จะทำให้กระบวนการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ส่งผลให้เลือดไม่สามารถหยุดไหลได้ตามปกติเมื่อมีบาดแผล ทำให้เกิดภาวะเลือดออกรุนแรงและเรื้อรังได้

โรคเลือด มีอะไรบ้าง, โรคเลือด
Image Credit : freepik.com

3. ภาวะเลือดข้น (Polycythemia)

หมายถึงภาวะที่ร่างกายผลิตเม็ดเลือดแดงมากเกินปกติ ทำให้เลือดมีความหนาแน่นหรือความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงสูงผิดปกติ

สาเหตุ :

  • ความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้สร้างเม็ดเลือดแดงมากเกินไป
  • การได้รับออกซิเจนน้อยเรื้อรัง เช่น โรคปอดเรื้อรัง การสูบบุหรี่ หรืออาศัยในที่สูง
  • ภาวะบางอย่างที่กระตุ้นการสร้างฮอร์โมน Erythropoietin ที่มากเกินไป

อาการ :

  • ผิวแดงคล้ำ เพราะมีเม็ดเลือดแดงมาก
  • อาการคันผิว คัน โดยเฉพาะหลังอาบน้ำอุ่น
  • ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย ง่วงซึม หายใจลำบาก
  • หากรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน

การรักษา :

  • รักษาด้วยการรับประทานยาเพื่อลดการสร้างเม็ดเลือดแดง
  • ถ้ารุนแรงอาจต้องทำการปล่อยเลือดออก เพื่อลดปริมาณเลือด
  • ให้เคมีบำบัดเพื่อลดการทำงานของไขกระดูก

การป้องกัน :

  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจน เช่น งดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ (เลือดข้น กินอะไรดี อ่านต่อได้อีกนะคะ)
  • ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อคัดกรองโรคตั้งแต่เนิ่นๆ
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ ควรพบแพทย์เพื่อรับการติดตามอย่างสม่ำเสมอ

ดอยคำ น้ำผึ้ง ๑๐๐% 770 กรัม (1 ขวด)

4. โรคเกร็ดเลือดจากภูมิคุ้มกันต่ำ หรือ Immune Thrombocytopenia (ITP)

เป็นภาวะที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันไปทำลายเกร็ดเลือดของตนเอง ทำให้มีภาวะเกร็ดเลือดต่ำกว่าปกติ ซึ่งเกร็ดเลือดมีหน้าที่สำคัญในการช่วยให้เลือดแข็งตัว โรคนี้เกิดได้กับคนทุกวัย แต่จะพบบ่อยในเด็ก

สาเหตุ :

  • ภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ ร่างกายสร้างแอนติบอดีมาทำลายเกร็ดเลือดของตนเอง
  • ติดเชื้อบางชนิด เช่น เชื้อไวรัส, แบคทีเรีย, โรคมาลาเรีย
  • พันธุกรรมบางชนิด
  • เป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด
  • โรคมะเร็งบางชนิด

อาการ :

  • ผื่นเลือดออกตามผิวหนังง่าย จ้ำเลือดหรือรอยฟกช้ำง่าย
  • มีเลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม 
  • ประจำเดือนมามากผิดปกติ
  • หมดแรงเร็ว อ่อนเพลีย คล้ายภาวะขาดเลือด
  • หากเกร็ดเลือดต่ำมาก อาจทำให้มีเลือดออกในสมองหรืออวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต

การรักษา :

  • ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น สเตียรอยด์ เพื่อลดการทำลายเกร็ดเลือด
  • ให้สารกระตุ้นการสร้างเกร็ดเลือด เช่น อิมมูโนโกลบูลิน
  • ในรายที่รุนแรง อาจต้องผ่าตัดเอาม้ามออก เพื่อขจัดแหล่งสร้างแอนติบอดี
  • หากเกร็ดเลือดต่ำมาก อาจต้องได้รับการถ่ายเลือดหรือเกร็ดเลือด

การป้องกัน :

  • สำหรับผู้ป่วยเรื้อรังต้องได้รับการติดตามและรักษาอย่างต่อเนื่อง
  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดอาการกำเริบ เช่น การติดเชื้อ ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน (Aspirin) หรือไอบูโปรเฟน (Ibuprofen)
  • ป้องกันการบาดเจ็บที่อาจทำให้มีเลือดออก
  • ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อคัดกรองโรคตั้งแต่เนิ่นๆ
โรคเลือด มีอะไรบ้าง, โรคเลือด
Image Credit : freepik.com

5. โรคพรายย้ำ (Petechiae) และจ้ำเขียว (Echymosis)

เป็นอาการที่เกิดจากเลือดออกใต้ผิวหนัง แตกต่างกันที่ขนาด ซึ่งพรายย้ำ คือ จุดเลือดออกขนาดเล็กไม่เกิน 3 มม. เรียกรวมๆ ว่า จุดพร้ายย้ำ ส่วนจ้ำเขียว คือ รอยเลือดออกขนาดใหญ่เกิน 3 มม. มีสีคล้ำและกว้างกว่าพรายย้ำ ซึ่งการเกิดพรายย้ำ และจ้ำเขียวบ่งบอกถึงปัญหาการไหลเวียนหรือการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ จึงควรสังเกตอาการและพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม

สาเหตุ :

  • โรคเกร็ดเลือดต่ำ ทำให้เลือดแข็งตัวได้ยาก 
  • ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
  • การบาดเจ็บหรือถูกกระแทก
  • โรคตับ ไตวาย ทำให้มีสารพิษสะสมในร่างกาย
  • ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด สเตียรอยด์
  • ไวรัสบางชนิด เช่น หัด ไข้เลือดออก

อาการ :

  • มีจุดพรายย้ำ หรือรอยจ้ำเขียวกระจายตามผิวหนัง
  • หากมีสาเหตุจากโรคเกร็ดเลือดต่ำ อาจมีอาการเลือดก้อนงวงช้า เลือดไหลนาน
  • หากพบในช่องปาก อาจทำให้เลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม
  • หากรุนแรงอาจพบเลือดออกในสมอง ทำให้มีอาการปวดศีรษะรุนแรง วิงเวียนศีรษะ

การรักษา :

  • รักษาตามสาเหตุ เช่น ให้เกร็ดเลือด รักษาภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หยุดยาที่เป็นสาเหตุ
  • หลีกเลี่ยงการถูกกระทบกระเทือน ไม่นวดแรงบริเวณที่มีจ้ำเขียว
  • ใช้ผ้าสะอาดกดบริเวณที่เลือดออก หากรุนแรงต้องไปพบแพทย์

การป้องกัน :

  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดภาวะเกร็ดเลือดต่ำ เช่น ยาบางชนิด แอลกอฮอล์ การติดเชื้อ 
  • ระวังอุบัติเหตุที่อาจทำให้ถูกกระแทก แผลถลอกได้
  • สังเกตอาการผิดปกติและพบแพทย์หากมีอาการรุนแรง
  • ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อวินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

6. ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis)

เป็นภาวะที่ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงต่อการติดเชื้อ โดยเชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือดและแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ทำงานผิดปกติ และอาจเกิดภาวะวิกฤตถึงขั้นล้มเหลวได้ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นเรื่องฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นอาจเสียชีวิตได้ ดังนั้นการป้องกันจึงมีความสำคัญมาก ลองมาทำความเข้าใจเพิ่มเติมกันค่ะ

สาเหตุ :

  • เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส รา หรือปรสิต แล้วเชื้อโรคแพร่กระจายสู่กระแสเลือด
  • บ่อยครั้งเกิดจากการติดเชื้อในโรงพยาบาล เช่น แผลติดเชื้อ ปอดบวม ไตอักเสบ เป็นต้น

อาการ :

  • ไข้สูง หนาวสั่น 
  • ระบบหายใจ เช่น หายใจเร็ว เหนื่อยหอบ
  • ความดันโลหิตต่ำผิดปกติ 
  • สับสน/ประสาทหลอน
  • ปัสสาวะน้อยลง
  • ผื่นนูน/จ้ำเลือด เนื่องจากการแข็งตัวผิดปกติของเลือด

การรักษา :

  • ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อ
  • ให้สารน้ำทดแทนและยาเพิ่มความดัน
  • ช่วยการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น ใช้เครื่องช่วยหายใจ 
  • ผ่าตัดในกรณีติดเชื้อที่รุนแรง

การป้องกัน :

  • ควบคุมและรักษาโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ล้างมือให้สะอาดเมื่อเข้าโรงพยาบาล
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มสุรา
  • ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลให้ดี
  • รับวัคซีนตามที่แพทย์แนะนำ
โรคเลือด มีอะไรบ้าง, โรคเลือด
Image Credit : freepik.com

7. ลูคีเมีย (Leukemia)

คือมะเร็งของเม็ดเลือดขาว เป็นมะเร็งของระบบเลือดชนิดหนึ่ง มีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน โดยการป้องกันยังไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่หากเราตระหนัก และดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี ก็เป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยดูแลสุขภาพตัวเองกันแล้วค่ะ ลองดูรายละเอียดของโรคลูคิดเมีย ดังต่อไปนี้นะคะ

สาเหตุ :

สาเหตุหลักยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงบางประการ เช่น การได้รับรังสี สารเคมีบางชนิด ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง กรรมพันธุ์ เป็นต้น

อาการ :

  • ซีด เพราะเม็ดเลือดแดงผลิตน้อยลง
  • เลือดออกง่าย ริดสีดวงจมูก เลือดกำเดาไหล เนื่องจากเกล็ดเลือดน้อย  
  • มีไข้บ่อย ติดเชื้อง่าย เนื่องจากเม็ดเลือดขาวผิดปกติ
  • อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด 
  • ปวดกระดูก เนื่องจากมะเร็งแทรกซึมที่ไขกระดูก
  • โลหิตจาง ตับม้ามโต มีก้อนที่คอ รักแร้ คลำได้ในระยะลุกลาม

การรักษา :

  • เคมีบำบัด ยาเคมีเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็ง
  • รังสีรักษา ใช้รังสีกำจัดเซลล์มะเร็ง
  • ปลูกถ่ายไขกระดูก หลังจากทำลายไขกระดูกเดิมด้วยเคมีบำบัด
  • รักษาแบบประคับประคอง เมื่อโรคลุกลามมาก

การป้องกัน :

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสรังสี และสารก่อมะเร็ง
  • ไม่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
  • บริโภคอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ตรวจสุขภาพประจำปี หากมีประวัติในครอบครัว

ผงผักเคล ออร์แกนิค ขนาด 100 กรัม ไฟเบอร์สูง ควบคุมน้ำหนัก( Organic Kail Powder )

เกร็ดสุขภาพ : เพื่อรักษาและบรรเทาอาการท้องเสีย ควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ เพราะเส้นใยหรือไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำจะเป็นประโยชน์ต่ออาการท้องผูก เมื่อดื่มน้ำปริมาณมากจะช่วยให้อุจจาระนิ่มลง ผู้ที่มีอาการท้องผูกอาจได้รับประโยชน์จากใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ แต่อาจทำให้คนที่มีอาการท้องร่วงหรือท้องเสียแย่ลงได้ เนื่องจากจะทำให้อาหารเคลื่อนที่ผ่านลำไส้เร็วขึ้น แอลกอฮอล์ และสารเสพติดมีผลเสียต่อโรคเลือดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น  ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง เนื่องจากรบกวนการสร้างเม็ดเลือดแดงและทำลายเม็ดเลือดแดงได้ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจาง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ช่วยเพิ่มความเสี่ยงเลือดออก เพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อ เร่งให้โรคลุกลามเร็วขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ดังนั้น การงดเว้นแอลกอฮอล์และสารเสพติดอย่างเด็ดขาดจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคเลือดทุกประเภท เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดภาวะแทรกซ้อน

8. ธาลัสซีเมีย (Thalassemia)

เป็นโรคพันธุกรรมที่มีความผิดปกติของการสร้างสารเฮโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ทาลัสซีเมียเป็นภาวะเลือดจางตั้งแต่แรกเกิดจากความผิดปกติของยีน จำเป็นต้องได้รับการดูแลตลอดชีวิต การรักษาด้วยการให้เลือดและปลูกถ่ายไขกระดูกนับเป็นทางเลือกสำคัญ มาดูรายละเอียดกันต่อค่ะ

สาเหตุ :

  • เกิดจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการสร้างสายพอลีเปปไทด์ของสารเฮโมโกลบิน ทำให้สร้างสารเฮโมโกลบินได้ไม่สมบูรณ์หรือขาดหายไป
  • เป็นโรคพันธุกรรมแบบรีเซสซีฟ ถ่ายทอดจากพ่อแม่ที่เป็นพาหะหรือเป็นโรค

อาการ :

  • โรคทารกแรกเกิด มีอาการของภาวะโลหิตจางรุนแรง
  • โลหิตจาง อ่อนเพลีย ซีด ผิวคล้ำ
  • มีภาวะแทรกซ้อนจากภาวะโลหิตจาง เช่น ท้องอืด ตับม้ามโต ไตวาย

การรักษา :

  • รักษาอาการด้วยการให้เลือดหรือรับเลือดถี่ๆ  
  • รักษาด้วยการให้ยาเพิ่มธาตุเหล็กและโฟลิค 
  • รับประทานยากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง
  • ผ่าตัดตัดม้ามออกเมื่อม้ามโตมาก
  • ปลูกถ่ายไขกระดูกในรายที่รุนแรง

การป้องกัน :

  • ตรวจวินิจฉัยพาหะในคู่สมรสก่อนมีบุตร
  • ทำการปรึกษาพันธุศาสตร์และยุติการตั้งครรภ์ในกรณีทารกเสี่ยง
  • ไม่มีการป้องกันได้เมื่อพ่อแม่เป็นพาหะทั้งสองคน
โรคเลือด มีอะไรบ้าง, โรคเลือด
Image Credit : freepik.com

9. ฮีโมฟีเลีย (Hemophilia)

เป็นโรคพันธุกรรมที่ร่างกายขาดปัจจัยการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดแข็งตัวได้ยาก ฮีโมฟีเลียทำให้มีเลือดออกผิดปกติง่าย ต้องมีการพกแฟคเตอร์การแข็งตัวของเลือดสำรองไว้ตลอดเวลา รักษาโดยให้ปัจจัยดังกล่าวทดแทน และป้องกันไม่ให้เกิดบาดแผล รายละเอียดของโรคนี้คืออะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

สาเหตุ :

  • เกิดจากความผิดปกติของยีนบนโครโมโซมเพศ ที่ควบคุมการสร้างปัจจัยการแข็งตัวของเลือด
  • ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบยีนด้อย เกิดได้ในเพศชายมากกว่าเพศหญิง

อาการ :

  • มีรอยช้ำเขียวง่าย เลือดไหลบ่อยจากจมูก, เหงือก, ริมฝีปาก
  • เลือดออกนานผิดปกติเมื่อมีบาดแผล
  • อาจมีเลือดออกภายในกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ ทำให้บวมและปวด
  • เลือดออกมากในกรณีมีอุบัติเหตุหรือผ่าตัด
  • ในรายที่รุนแรงอาจมีเลือดออกในสมอง

การรักษา :

  • ให้แฟคเตอร์การแข็งตัวของเลือดชนิดที่ขาดแคลนทางหลอดเลือดดำ 
  • พักการออกแรง ลดการเคลื่อนไหวข้อที่มีเลือดออก
  • ในรายรุนแรง อาจต้องรับการปลูกถ่ายไขกระดูก
  • ผ่าตัดกรณีมีเลือดคั่งภายในเพื่อลดการบีบรัดเส้นเลือด

การป้องกัน :

  • ไม่สามารถป้องกันได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม
  • ผู้ป่วยควรระมัดระวังไม่ให้ถูกบาดเจ็บหรือบาดเลือดออก
  • สมาชิกในครอบครัวควรตรวจหาพาหะของโรค
  • พิจารณายุติการตั้งครรภ์ในกรณีที่ทารกเสี่ยงเป็นโรครุนแรง

ชาเขียวแท้ Itoen Oi Ocha Greentea ชาเขียวผงแท้ 100% ขนาด 80g(100แก้ว)

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคเลือดทุกประเภท

สำหรับผู้ป่วยโรคเลือดทุกประเภท มีคำแนะนำสำคัญๆ ดังนี้

  1. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งการรับประทานยา การรักษา และการนัดหมาย
  2. งดเว้นการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้โรคทรุดหนักลง
  3. รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยเฉพาะการล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  4. บริโภคอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ และอาหารอุดมโปรตีน
  5. พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  6. ออกกำลังกายแบบสม่ำเสมอและปานกลาง โดยปรึกษาแพทย์เพื่อความเหมาะสม
  7. หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ ระวังเลือดออก สังเกตอาการผิดปกติให้ดี
  8. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อลดความเสี่ยงและภาระของร่างกาย
  9. จัดการความเครียดที่เหมาะสม เช่น ทำสมาธิ ดูแลจิตใจให้สดชื่น
  10. ฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด

การดูแลรักษาโรคเลือดอย่างถูกวิธีและเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ เป็นสิ่งสำคัญเพื่อควบคุมอาการและลดความรุนแรงของโรคได้ ผู้ป่วยและครอบครัวต้องมีกำลังใจที่เข้มแข็งในการต่อสู้กับโรคเหล่านี้ รวมทั้งพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เอื้ออำนวยต่อการรักษา เพื่อให้สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

Featured Image Credit : freepik.com

ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ

ติดต่อโฆษณา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้การวิเคราะห์

    เราขออนุญาติใช้คุกกี้นี้เก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ เพื่อประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดีขึ้นให้กับคุณ

Save