“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
เท้าร้อนเกิดจากอะไร ? ชวนไขข้อสงสัย พร้อมคำแนะนำ และเช็กสัญญาณบอกโรคกัน !
ใครเคยมีอาการเท้าร้อนกันบ้างคะ ? เท้าร้อนเป็นความรู้สึกร้อนหรือแสบร้อนที่เท้า มักเกิดขึ้นในเวลากลางคืนและมีอาการตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงรุนแรง เพราะในบางครั้ง เท้าร้อนอาจมาพร้อมกับอาการต่างๆ เช่น รู้สึกชาตรงเท้า มีรอยแดง และบวม ซึ่งอาการแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทั้งปัจจัยต่างๆ เช่น อาชีพ หรือแม้แต่การเลือกรองเท้าที่ใส่ รวมถึงอาจมีความผิดปกติเกี่ยวกับภาวะสุขภาพบางประการ แต่ไม่ต้องกังวลไป ในบทความนี้ เพื่อสุขภาพจะพามารู้จักกับอาการเท้าร้อน เกิดจากอะไร ตามเรามาทำความเข้าใจสุขภาพของเราให้มากขึ้นกันค่ะ
เท้าร้อน เกิดจากอะไร ? เป็นสัญญาณของโรคได้จริงหรือ ?!
อาการเท้าร้อน หรือแสบร้อนที่เท้านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วเกิดจากความเสียหายของเส้นประสาทที่มีความสัมพันธ์กับโรคเบาหวาน และภาวะทางสุขภาพหลายประการที่อาจเป็นสาเหตุของอาการเท้าร้อนได้ แต่จะพบในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานได้บ่อยที่สุด ซึ่งความรู้สึกร้อนๆ ที่เท้าหรือรู้สึกแสบร้อนบริเวณเท้านั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเป็นระยะๆ หรืออาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีอาการตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง โดยอาจรู้สึกร้อน เสียวซ่า ชา เหมือนมีหนามตำ ที่ฝ่าเท้า และมักจะเกิดอาการเท้าร้อนตอนกลางคืน แล้วเท้าร้อนเกิดจากอะไร ? อาจเกิดได้จากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น
สาเหตุของการเกิดอาการเท้าร้อน มีอะไรบ้าง ?
1. การอักเสบของเส้นประสาทส่วนปลาย
การอักเสบของเส้นประสาทส่วนปลายที่เท้าหรือขาอาจทำให้เกิดอาการเท้าร้อนวูบวาบ รู้สึกแสบร้อนที่เท้า ซึ่งการนั่งในท่านั่งที่ลงน้ำหนักบนเท้าเป็นเวลานานหรือนั่งทับเท้าตัวเองก็อาจทำให้เกิดการอักเสบของเส้นประสาทได้ และมีอาการปวดแสบปวดร้อนตามมา
2. โรคพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ
โรคพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบคือการอักเสบของเอ็นใต้ฝ่าเท้า ทำให้มีอาการเจ็บปวด ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะเกิดที่บริเวณส้นเท้า ทำให้รู้สึกแสบร้อนบริเวณเท้าได้ โดยเฉพาะตอนใส่รองเท้าหรือตอนเดิน
3. โรคงูสวัด
เท้าร้อนเกิดจากอะไร ? โรคบางอย่างก็ทำให้รู้สึกแสบร้อนที่เท้าได้ เช่น โรคงูสวัดที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ส่งผลต่อเส้นประสาทและผิวหนัง ทำให้เกิดแผลพุพองที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดแสบร้อนบริเวณที่เป็น และสามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้แม้แต่ตอนที่ยังไม่มีตุ่มใสขึ้นตรงบริเวณผิวหนัง
4. การขาดแร่ธาตุวิตามินบางชนิด
หลายคนคงสงสัยว่าเท้าร้อน ขาดวิตามินอะไรบ้าง แน่นอนว่าการขาดวิตามินหรือสารอาหารต่างๆ ทำให้เกิดอาการเท้าร้อนได้ เพราะเส้นประสาทต้องการแร่ธาตุวิตามินบางชนิดเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง หากร่างกายได้รับสารอาหารบางอย่างไม่เพียงพอ ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายของเส้นประสาทและมีอาการเท้าร้อนได้ เท้าร้อน ขาดวิตามินอะไร ? การขาดโฟเลต วิตามิน B1 วิตามิน B6 และวิตามิน B12 สามารถนำไปสู่โรคระบบประสาท และนำไปสู่อาการเท้าร้อนได้ค่ะ
5. การตั้งครรภ์
ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อาจรู้สึกเท้าร้อนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เพิ่มอุณหภูมิร่างกายได้ เพราะน้ำหนักที่กดลงบนเท้าอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติในขณะตั้งครรภ์และการเพิ่มขึ้นของของเหลวในร่างกายทั้งหมด อาจมีบทบาทในการทำให้เท้าร้อนในระหว่างตั้งครรภ์ได้ค่ะ
6. วัยหมดประจำเดือน
เท้าร้อน เกิดจากอะไรได้อีกบ้าง ? สตรีที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนก็อาจมีอาการเท้าร้อนได้เช่นกัน เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นและเท้าร้อนวูบวาบได้ โดยผู้หญิงส่วนใหญ่มีวัยหมดประจำเดือนระหว่างอายุ 45 ถึง 55 ปี
7. การดื่มสุรา
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เท้าร้อนตอนกลางคืนก็คือ การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายของเส้นประสาทที่เท้าและส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่าโรคเส้นประสาทจากแอลกอฮอล์ ความเสียหายของเส้นประสาทนี้เกิดขึ้น เนื่องจากแอลกอฮอล์ขัดขวางความสามารถของร่างกายในการดูดซึม และใช้สารอาหารบางชนิดที่มีความสำคัญต่อการทำงานของเส้นประสาทที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังเกิดขึ้นเพราะแอลกอฮอล์เป็นพิษต่อเส้นประสาทในร่างกาย
8. ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์
เท้าร้อน เกิดจากอะไรได้อีกบ้าง ? วิถีชีวิตก็มีผลด้วยเช่นกัน เช่น การสวมใส่รองเท้าที่ไม่ดี และการยืนหรือเดินเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุณหภูมิที่ร้อนจัด อาจทำให้เท้าร้อนหรือไหม้ได้ รวมถึงผู้ที่มีอาชีพที่ต้องยืนหรือเดินนานๆ ตลอดจนนักกีฬาที่อาจเกิดการติดเชื้อราที่เท้า ก็ทำให้เกิดอาการนี้ได้เช่นกัน นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่ต้องกินยาบางชนิด เช่น ยาต้านมะเร็ง ยาปฏิชีวนะ หรือได้รับสารพิษอย่างสารตะกั่ว สารปรอท ก็ส่งผลให้เส้นประสาทถูกทำลาย ทำให้เกิดความรู้สึกแสบร้อนที่เท้าและส่วนอื่นๆ ตามร่างกายได้
เกร็ดสุขภาพ : นอกจากภาวะทางสุขภาพแล้ว การบาดเจ็บหรือการเกิดอุบัติเหตุก็ทำให้เกิดอาการเท้าร้อนได้ด้วย โดยเฉพาะการการเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เส้นประสาทได้รับการบาดเจ็บก็อาจทำให้รู้สึกแสบร้อนในบริเวณเท้าได้ เนื่องจากเส้นประสาทได้รับความเสียหายนั่นเอง
อาการเท้าร้อน เป็นสัญญาณบอกโรคใดได้บ้าง ?
ในตอนนี้เราก็ได้ทราบกันแล้วว่า สาเหตุของอาการเท้าร้อนเกิดจากอะไรได้บ้าง ยิ่งไปกว่านั้น อาการเท้าร้อนยังเป็นสัญญาณบอกโรคและภาวะทางสุขภาพได้อีกด้วย ได้แก่
1. โรคระบบประสาทเบาหวาน
นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการเท้าร้อน ภาวะนี้เกิดจากความเสียหายต่อเส้นประสาท และเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานประเภท 1 และประเภท 2 นอกจากอาการแสบร้อนที่เท้าแล้ว อาการต่างๆ ได้แก่ ปวด รู้สึกเสียวซ่า และชาที่แขน มือ ขา และเท้า
2. โรคไตเรื้อรัง
โรคไตเรื้อรัง เป็นผลมาจากความเสียหายต่อไต ทำให้อวัยวะต่างๆ ไม่สามารถขับสารพิษออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะได้อีกต่อไป เมื่อเวลาผ่านไป สารพิษที่สะสมอยู่อาจทำให้เกิดโรคระบบประสาท และเกิดอาการเท้าร้อนได้
3. ภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ
หากมีไทรอยด์ฮอร์โมนในระดับต่ำ ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่าภาวะไทรอยด์ทำงานน้อย อาจนำไปสู่การรู้สึกเสียวซ่า ชา หรือปวดที่เท้า ขา แขน หรือมือ ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นเนื่องจากการมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายต่ำอย่างสม่ำเสมอทำให้เส้นประสาทถูกทำลาย
4. หลอดเลือดอักเสบ
การอักเสบของหลอดเลือด อาจทำให้เกิดอาการปวดและรู้สึกเสียวซ่าที่เท้า เนื่องจากเลือดไม่สามารถไหลได้อย่างอิสระ จึงอาจทำให้เนื้อเยื่อเสียหายและนำไปสู่อาการเท้าร้อนได้
5. โรครองช้ำ
อาการเท้าร้อนวูบวาบอาจนำมาสู่โรครองช้ำได้ด้วย อาการรองช้ำที่เกิดขึ้นจะรู้สึกเจ็บแปล๊บบริเวณส้นเท้าหรือฝ่าเท้าหลังตื่นนอนหรือก่อนนอน มีความรู้สึกเหมือนโดนของแหลมหรือของแข็งแทงขึ้นมาจากบริเวณใต้ส้นเท้าหรือฝ่าเท้า เจ็บส้นเท้าจี๊ดๆ มีอาการปวดแบบโดนของร้อนๆ หรือรู้สึกร้อนวูบวาบเป็นพักๆ ในบริเวณที่มีอาการปวด ซึ่งจะต้องทำการรักษาต่อไป
อาการเท้าร้อน รักษาได้หรือไม่ ? ควรดูแลตัวเองอย่างไร ?
การรักษาเท้าร้อนจะแตกต่างกันไปและขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริงของอาการ โดยอาจใช้การรักษาและดูแลตนเองได้ ดังนี้
1. แก้โรคต้นเหตุ
เมื่อเท้าร้อนเกิดจากโรคระบบประสาทจากเบาหวาน การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอาจช่วยบรรเทาได้ หรือเท้าร้อนที่เกิดจากอาการอักเสบและโรคเรื้อรัง อาจรักษาได้โดยตามวิธีที่แพทย์กำหนด
2. ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์
หากรองเท้าไม่เหมาะสม ใส่แล้วขับเหงื่อ หรือรองเท้าของนักกีฬาที่ใส่ซ้ำๆ อาจทำให้เท้าร้อนได้ และนี่คือคำแนะนำที่อาจจะช่วยบรรเทาอาการเท้าร้อนได้ค่ะ
- สวมรองเท้าที่แตกต่างกันแบบวันเว้นวัน เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทระหว่างการสวมใส่
- เลือกรองเท้าที่สวมใส่ได้พอดี และมีอากาศถ่ายเทได้ดี
- เปลี่ยนถุงเท้าเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังออกกำลังกาย เลือกถุงเท้าที่ระบายความชื้นออกจากผิวหนัง หรือเลือกถุงเท้าผ้าฝ้ายธรรมชาติ
- อย่าสวมถุงเท้า หรือรองเท้าที่เปียกชื้น
- ให้สวมรองเท้าแตะเพื่อช่วยให้เท้าได้หายใจ เมื่ออยู่ในสภาพอากาศร้อน
- สวมรองเท้าแตะเมื่อใช้สระว่ายน้ำและห้องอาบน้ำสาธารณะ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อที่เท้า
- ใช้แป้งทาเท้าเพื่อดูดซับความชื้นส่วนเกินจากเท้า
- หลีกเลี่ยงการยืนหรือเดินเป็นเวลานาน
- แช่เท้าที่ร้อนในอ่างน้ำเย็น เพื่อให้เท้าเย็นลง
3. เสริมวิตามิน
เท้าร้อน ขาดวิตามินอะไรบ้างนั้น ต้องโฟกัสที่กลุ่มวิตามินบีที่เป็นแหล่งสารอาหารสำคัญค่ะ เนื่องจากร่างกายของเราไม่สามารถผลิตและเก็บวิตามินเหล่านี้ได้ ดังนั้น วิธีเดียวคือการบริโภคสารอาหารเหล่านี้อย่างสมดุล ได้แก่ วิตามินบี 1 (ไทอามีน) พบในเนื้อหมู และซีเรียล วิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน) พบในปลา ตับ เนื้อสัตว์ และมันฝรั่ง และวิตามินบี 12 (โคบาลามีน) พบในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ นอกจากนี้ กรดโฟลิกก็ยังอยู่ในกลุ่มวิตามินบี ซึ่งสามารถพบได้ในผักสีเขียวรวมทั้งบล็อกโคลี่ และผักโขม ซึ่งกลุ่มวิตามินบีดังกล่าว มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ให้เกิดการทำงานที่เหมาะสมต่อระบบประสาท การผลิตพลังงาน และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันนั่นเอง
เกร็ดสุขภาพ : เนื่องจากวิตามิน B12 มีบทบาทสำคัญในการทำงานที่เหมาะสมของระบบประสาทโดยกระตุ้นการผลิตไมอีลิน หากมีวิตามิน B12 ต่ำจะนำไปสู่ความเสียหายของเส้นประสาท โรคระบบประสาท และอาการเท้าร้อนที่เกิดจากการขาดวิตามิน B12 ได้ เพราะฉะนั้นจึงควรกินอาหารที่มีวิตามินบีในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวัน
4. ดูแลตัวเองด้วยวิธีต่างๆ เพื่อบรรเทาอาการเท้าร้อน
เท้าร้อนเกิดจากอะไรหลายสาเหตุด้วยกัน ดังนั้น การดูแลตัวเองเพื่อบรรเทาอาการเท้าร้อนมีหลายวิธีซึ่งสามารถทำได้ดังนี้ค่ะ
- พักการใช้งานเท้า : หากรู้สึกแสบร้อนบริเวณเท้าพร้อมกับรู้สึกเจ็บ ปวด ร่วมด้วย ควรพักการใช้งานเท้า เช่น พักการยืนหรือเดินเพื่อช่วยลดอาการแสบร้อนและความเจ็บปวดได้
- ใช้ยาต้านการอักเสบ : ในกรณีที่เท้าร้อนเกิดจากการอักเสบต่างๆ การกินยา เช่น ไอบูโพรเฟน และนาโพรเซน จะช่วยลดอาการอักเสบได้
- ประคบเย็น : การประคบเย็นจะช่วยลดอาการอักเสบ และช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนตรงเท้าได้ ให้ห่อน้ำแข็งด้วยผ้านุ่มๆ หรือใช้ผ้าชุบน้ำเย็นแล้วนำมาพันรอบเท้าครั้งละ 15 นาที วันละหลายๆ ครั้ง เพื่อบรรเทาอาการ
- ยกเท้าให้สูงขึ้น : การนอนยกเท้าให้สูงกว่าระดับหัวใจจะช่วยลดอาการเท้าบวม และช่วยบรรเทาอาการร้อนที่เท้าได้ด้วย
- การนวดเท้า : เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และช่วยบรรเทาอาการปวดต่างๆ
เท้าร้อนเกิดจากอะไรบ้าง ตอนนี้ก็ได้ทราบกันแล้วนะคะ โดยอาการนั้นอาจจะมีการรู้สึกร้อนบริเวณฝ่าเท้า (อ่านเพิ่มเติม ฝ่าเท้าบอกโรค) ส้นเท้า และแผ่นรองนิ้วเท้าได้เช่นกัน ความรุนแรงของอาการอาจแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ความรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยไปจนถึงอาการปวดเรื้อรังที่รุนแรง ซึ่งอาจรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ ดังนั้น จึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้ชัดเจนว่าเท้าร้อน เกิดจากอะไร เพื่อทำการรักษาได้อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยบรรเทาอาการได้ค่ะ
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ