“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ชวนรู้จัก Holistic Care วิถี การดูแลผู้ป่วย แบบองค์รวม เพื่อการมีสุขภาวะที่ดีอย่างครอบคลุม
เมื่อคนเราไม่สบาย เจ็บไข้ได้ป่วย ก็ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งก็มีการรักษาพยาบาลอยู่หลากหลายรูปแบบด้วยกัน อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นได้นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการด้วยกัน ไม่ช่เพียงแค่ความแข็งแรงทั้งด้านร่างกายเท่านั้น แต่รวมถึงทางด้านจิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ จึงมีสิ่งที่เรียกว่า การดูแลผู้ป่วย แบบองค์รวมหรือ Holistic Care ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพยาบาลผู้ป่วยให้มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ มาดูรายละเอียดของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมกันเลยค่ะ
Holistic Care หรือ การดูแลผู้ป่วย แบบองค์รวม คืออะไร ?
การดูแลแบบองค์รวม หรือ Holistic Care คือ การดูแลคนๆ หนึ่งให้ครบทุกด้านของความเป็นมนุษย์ ไม่แยกส่วน ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ ไม่ได้พิจารณาเฉพาะโรคที่เป็นหรือความเจ็บป่วยส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่พิจารณาจากความสัมพันธ์ของทั้ง 4 ด้านสำหรับการดูแลรักษาเพื่อให้เกิดความสมดุล และมีสุขภาวะที่ดีครบทุกประการ ซึ่งการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลสุขภาพเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี เรามาดูรายละเอียดของแต่ละองค์ประกอบกันเลยค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : คำว่า “สุขภาพ” ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ หมายถึง ภาวะของมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางปัญญา และทางสังคม เชื่อมโยงกันเป็นองค์รวมอย่างสมดุล ดังนั้น การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม จึงต้องดูแลให้ครบทั้ง 4 ด้าน ไม่ใช่แค่เพียงสุขภาพกายหรือสุขภาพจิตเท่านั้น แต่ต้องดูแลไปถึงด้านสังคมและจิตวิญญาณ เพื่อการมีสุขภาวะที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างแท้จริง
องค์ประกอบทั้ง 4 ด้านของการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม
อย่างที่กล่าวไปว่า เมื่อคนเราเจ็บป่วยไม่สบายนั้น ก็จะต้องไปรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งบางคนอาจมองว่าเป็นการรักษาทางด้านร่างกายเท่านั้น แต่การรักษาที่จะทำให้คนๆ หนึ่งมีสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืนและมีสุขภาพที่ดีได้อย่างแท้จริงนั้น ต้องมีการรักษาพยาบาลผู้ป่วยให้ครอบคลุมทั้ง 4 ด้านด้วยกัน กล่าวคือ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ อันมีความเกี่ยวข้องกันทั้งหมด และจะทำให้ผู้ป่วยมีสุขภาพดีได้อย่างยั่งยืน เพราะถึงแม้จะมีสุขภาพกายดี แต่มีสุขภาพจิตไม่ดี สภาพแวดล้อมทางสังคมไม่ดี ไม่มีความผาสุกทางจิตวิญญาณ ก็ไม่อาจเรียกได้ว่ามีสุขภาพดีได้อย่างแท้จริง มาดูรายละเอียดของแต่ละด้านกันเลยค่ะ
1. ด้านร่างกาย (Physical)
การดูแลผู้ป่วยให้มีสุขภาพกายดี หมายถึง การพยาบาลรักษาให้ผู้ป่วยหายจากโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ มีร่างกายแข็งแรง มีพละกำลังที่สมบูรณ์ รวมถึงให้คำแนะนำในการดูแลรักษาสุขภาพเพื่อป้องกันไม่ให้คนไข้ป่วยด้วยโรคเดิม และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น
2. ด้านจิตใจ (Mental)
การดูแลผู้ป่วยทางด้านจิตใจ หมายถึง การทำให้ผู้ป่วยมีสุขภาพจิตดี มีความสุข ปราศจากความเครียดความวิตกกังวล สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายได้เมื่อเกิดความเจ็บป่วยขึ้น และสามารถปรับตัวต่อทุกสภาวะของร่างกายได้ดี การดูแลให้ผู้ป่วยมีสุขภาพจิตที่ดีได้นั้น สถานพยาบาลต้องให้การบริการที่เป็นมิตร ปฏิบัติต่อผู้ป่วยแบบญาติมิตร มี Emphaty หรือมีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ป่วย มีความเมตตากรุณาต่อกัน ทำให้ผู้ป่วยเกิดความสบายใจและไม่เครียดวิตกกังวลไปมากกว่าเดิม และยังคงมีสุขภาพจิตที่ดี มีสภาวะทางอารมณ์ที่ดีแม้ในยามเจ็บป่วย
3. ด้านสังคม (Social)
การดูแลผู้ป่วยทางด้านสังคม หมายถึง การมีระบบบริการที่ดี มีแหล่งช่วยเหลือที่เหมาะสม และอาจหมายถึงการมีสถานพยาบาลในชุมชนที่สามารถให้ความช่วยเหลือบุคคลในยามเจ็บไข้ได้ป่วยได้ เพื่อให้คนๆ นั้นสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างผาสุก เช่น ระบบบริการสุขภาพในชุมชน มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ช่วยดูแลสุขภาพของคนในชุมชน เป็นต้น
4. ด้านจิตวิญญาณ (Spiritual)
องค์ประกอบที่ 4 ของ Holistic Care คือ การดูแลสุขภาพด้านจิตวิญญาณ หรือด้านปัญญา อันหมายถึงการรู้เท่าทันอารมณ์ความคิดของตัวเอง การไม่ยึดติดกับสภาวะความเจ็บป่วย มองว่าเป็นสิ่งธรรมดาของมนุษย์ที่มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เพื่อให้จิตใจสงบจากการเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต ซึ่งความคิดความเชื่อต่างๆ ก็ส่งผลต่อสุขภาพกายสุขภาพใจของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน อาจจะมีการจัดกิจกรรมนั่งสมาธิให้จิตสงบสำหรับผู้ป่วยเพื่อให้รู้เท่าทันอารมณ์และความคิดของตัวเอง มองว่าชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน และความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้คงอยู่กับเราตลอดไป การที่ผู้ป่วยไม่มีความเครียดวิตกกังวลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของตัวเองและมองมันอย่างเข้าใจ ก็จะทำให้การรักษาเป็นไปได้ด้วยดีและมีโอกาสที่ผู้ป่วยจะกลับมามีสุขภาพแข็งแรงได้ เพราะผู้ป่วยอยากดูแลตัวเองและอยากหายจากโรค จึงให้ความร่วมมือในการรักษาเป็นอย่างดีนั่นเอง ซึ่งสถานพยาบาลก็สามารถมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยเชิงจิตวิญญาณได้เช่นกัน
เกร็ดสุขภาพ : แนวคิดที่มีความใกล้เคียงกับ Holistic Care คือ Self Care อันหมายถึง การดูแลตัวเองแบบองค์รวม ทั้งทางด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ สุขภาพจิต และในเชิงจิตวิญญาณ ซึ่งการมี Self Care ที่ดีนั้น จะช่วยให้คนเรามีสุขภาวะที่ดีและมีความผาสุกในชีวิต และยังทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น มีพลังกาย พลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายหรือหมดไฟในชีวิต และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวตนภายในของตัวเองอีกด้วย
หลักการของ Holistic Care คืออะไร ?
วิถีดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมเป็นแนวทางการดูแลสุขภาพซึ่งเน้นไปที่การปฏิบัติต่อผู้ป่วยโดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีและเคารพในการเป็นบุคคล สถาบัน Academy of Integrative Health and Medicine (AIHM) ได้สรุปหลักการสำคัญของ Holistic Care ในทางการแพทย์เชิงบูรณาการเอาไว้ดังนี้
- ระบบการรักษาเชิงบูรณาการเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
- การแพทย์แบบองค์รวมคือการดูแลที่เน้นในเรื่องความสัมพันธ์กับผู้ป่วยเป็นหลัก
- การดูแลผู้ป่วยควรเป็นการดูแลแบบรายบุคคล
- เน้นการสอนโดยการสาธิตวิธีการปฏิบัติหรือการให้ตัวอย่าง
- พลังแห่งการรักษาคือสิ่งที่มีมาโดยธรรมชาติ
- ทุกประสบการณ์คือโอกาสในการเรียนรู้
- จงโอบกอดพลังแห่งความรัก
- การมีสุขภาพที่ดีคือเป้าหมายหลัก
ข้อดีของการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม มีอะไรบ้าง ?
- ช่วยลดความเครียดและเพิ่มทักษะการเผชิญหน้ากับปัญหาด้านสุขภาพ : โดยปกติแล้วเมื่อคนเรามีความเจ็บป่วยทางกายเกิดขึ้น ก็จะทำให้เกิดความเครียด มีความวิตกกังวล หากไม่ได้รับคำแนะนำอย่างเหมาะสมก็จะเกิดความทุกข์ใจ การรักษาพยาบาลผู้ป่วยโดยคำนึงถึงสุขภาพกายใจ พูดคุยกับผู้ป่วยให้เกิดความสบายใจ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง รวมถึงการให้กำลังใจผู้ป่วย ก็จะให้ผู้ป่วยคลายความเครียดวิตกกังวลและมีกำลังใจที่จะเผชิญกับความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นได้
- ช่วยป้องกันการกำเริบของโรค : การรักษาแบบองค์รวมสามารถลดอัตราการกำเริบของโรคได้ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโดยคำนึงถึงสุขภาพกาย สุขภาพใจ ทั้งในด้านสังคม หรือจิตวิญญาณ เพราะองค์ประกอบเหล่านี้ต่างมีความสัมพันธ์กันและก่อให้เกิดความสมดุลในตัวเรา ซึ่งจะทำให้เรามีสุขภาวะที่ดี การรักษาแบบองค์รวมจึงช่วยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นและป้องกันการเจ็บป่วยไม่สบายที่อาจเกิดขึ้นได้
- ทำให้มีสุขภาพโดยรวมดีขึ้น เนื่องจากเป็นการรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ครอบคลุมทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ หากส่วนใดส่วนหนึ่งบกพร่องหรือขาดสมดุลไป ก็ก่อให้เกิดความเจ็บป่วยขึ้นได้ ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อกายป่วย ใจก็ป่วยตาม หรือหากใจป่วย ก็อาจทำให้ร่างกายป่วยตามได้ด้วยเช่นกัน หรือถ้าสภาพแวดล้อมทางสังคมไม่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี ก็อาจทำให้เกิดความเจ็บป่วยได้ด้วย แต่ละองค์ประกอบนั้นมีความสัมพันธ์กัน การดูแลแบบองค์รวมอย่างครอบคลุมในทุกๆ ด้านจึงส่งเสริมให้มีสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง
การดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยแบบองค์รวมเป็นหนึ่งแนวทางการปฏิบัติที่มุ่งหวังให้คนๆ หนึ่งมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน และมีสุขภาพแข็งแรงในระยะยาว เพราะการจะมีสุขภาพที่ดีแบบสมบูรณ์พร้อมได้นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบเดียว แต่เป็นผลของการดูแลทั้งทางด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ ทั้งทางด้านสังคม และจิตวิญญาณ หากแต่ละด้านนั้นมีความสมดุล ก็จะส่งผลให้คนๆ นั้นมีสุขภาวะที่ดีได้นั่นเอง
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : manarom.com, midwestdetoxcenter.com, dignityhealth.org, webmd.com, online.marymount.edu
Featured Image Credit : freepik.com/Wiroj Sidhisoradej
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ