“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
มือเหลือง เกิดจาก อะไร ? รักษาได้มั้ย ? มาหาคำตอบกัน !
ปกติแล้วมือและฝ่ามือของเราจะมีสีธรรมชาติที่เป็นสีแดงอ่อนหรือชมพู คล้ายกับสีเลือดฝาด แต่บางครั้งมือของเราอาจเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน อย่างเช่น การกินผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์จะทำให้ผิวหนังมีสีเหลืองอมแดงได้ แต่ถ้าหากไม่ได้เกิดจากอาหารที่กินเข้าไปล่ะ? มือเหลือง เกิดจากอะไรได้อีกบ้าง ? ในบทความนี้ทีมงานเพื่อสุขภาพจะพาทุกคนไปรู้จักกับอาการ มือเหลือง เกิดจาก สาเหตุอะไร และมีวิธีการรักษาและดูแลตัวเองอย่างไรบ้างค่ะ
มือเหลือง เกิดจาก เหตุอะไร ? ต้องรักษาและดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง
นอกจากปัญหาเหงื่อออกมือเท้าแล้วนั้น ก็ยังมีปัญหาเกี่ยวกับมือเหลือง เกิดจากอะไร ? สาเหตุหนึ่งของมือเหลือง เกิดจากการที่เรามีเม็ดสีเหลืองมาก คือภาวะที่เรียกว่าแคโรทีเมีย (Carotenemia) เป็นภาวะที่ผิวหนังจะเปลี่ยนสี เนื่องจากมีเม็ดสีส้มอมเหลืองในปริมาณมาก อาจเกิดจากการกินอาหารที่อุดมไปด้วยแคโรทีนเป็นเวลานาน ซึ่งแคโรทีนเป็นสารที่จะเพิ่มสีเหลืองให้กับผิวของเรา พบในผักและผลไม้ที่มีสี เช่น ส้ม มะละกอ มะม่วง แครอท ฟักทอง ฯลฯ ส่วนในผักจะมีสีเขียวของคลอโรฟิลล์ซ่อนอยู่ และยิ่งผักมีสีเหลืองหรือสีเขียวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีแคโรทีนมากขึ้นเท่านั้น การที่มือเหลือง เกิดจากชั้นผิวหนังของเรามีการสะสมแคโรทีน ทำให้มีเม็ดสีเหลืองบนผิวและมองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งนอกจากอาหารที่กินเข้าไปแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ ของอาการมือเหลืองที่เกิดขึ้นได้อีก ได้แก่
1. โรคเบาหวาน
เป็นที่รู้กันดีว่ามือเหลือง เกิดจากการที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ในคนที่เป็นเบาหวาน และจะทำให้ผิวเป็นสีเหลืองทั้งๆ ที่ไม่ได้กินอาหารที่อุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์เลย แต่หลังจากควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้แล้ว มือและผิวที่เหลืองก็จะหายไป
2. ตับอักเสบ หรือระบบท่อน้ำดีอุดตัน
แอลกอฮอล์อาจทำให้ตับถูกทำลาย และนำไปสู่ภาวะบิลิรูบินในเลือดสูง อาการมือเหลือง ตัวเหลือง อาจเป็นสัญญาณของตับอ่อนอักเสบ โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากนิ่วหรือการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก และแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคตับอักเสบ เพราะสามารถส่งผลต่อการหลั่งและขับน้ำดีในร่างกายของเรา และนำไปสู่การเป็นนิ่วในถุงน้ำดี โรคไขมันพอกตับ และโรคตับแข็งได้ค่ะ
3. ได้รับวิตามินเอมากเกินไป
วิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันซึ่งจำเป็นสำหรับการมองเห็น มีประโยชน์ต่อผิวหนัง กระดูก และภูมิคุ้มกันของเรา แต่อาจเป็นพิษได้หากได้รับในปริมาณสูงเกินไป และทำให้ตับเสียหาย การได้รับวิตามินเอในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดการอักเสบและทำให้เกิดแผลในตับ ทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดบิลิรูบินได้ และการบริโภควิตามินเอมากเกินไปอาจนำไปสู่ภาวะต่างๆ เช่น carotenemia หรือมือเหลือง ตัวเหลือง ได้ค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : ในผู้ใหญ่ต้องการวิตามินเอประมาณ 1,000 ถึง 2,000 หน่วยสากล (IU) ต่อวัน และหากได้รับในปริมาณที่สูงมาก (มากกว่า 40,000 IU) จะเกิดความเป็นพิษเฉียบพลัน และเกี่ยวข้องกับความเสียหายของตับ หรือเป็นโรคดีซ่านได้
4. เม็ดเลือดแดงแตกมาก
มือเหลือง เกิดจากอะไรได้อีกบ้าง อาจเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างโรคไข้จับสั่นหรือมาลาเรีย และโรคโลหิตจางชนิดต่างๆ เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจางเม็ดเลือดแดงแตกง่าย เป็นต้น เมื่อเม็ดเลือดแดงแตกง่ายก็จะทำให้เกิดอาการมือเหลือง ตัวเหลืองได้เช่นกัน
วิธีรักษาและดูแลตัวเอง
โดยปกติแล้ว อาการมือเหลืองมักจะเกี่ยวข้องกับอาหารที่กินเข้าไป ซึ่งถือว่าไม่ได้มีอันตรายอะไรค่ะ และอาการเหลืองนั้นจะค่อยๆ หายไปเองเมื่อคุณหยุดกินอาหารชนิดนั้นติดต่อกันนานๆ โดยไม่ต้องทำการรักษาหรือพบแพทย์ และเพื่อป้องกันอาการมือเหลือง ก็มีวิธีในการดูแลตัวเองคือ ควรกินผักผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่นผักใบเขียวสลับกันบ้าง และงดกินอาหารที่มีแคโรทีนในปริมาณมากหรือกินติดต่อกันเป็นเวลานาน รวมถึงบริโภควิตามินเอย่างเหมาะสม ซึ่งวิตามินเอในอาหารสามารถพบได้ในสัตว์ เช่น นม ตับ ปลา และในอาหารเสริมต่างๆ นอกจากนี้ ยังสามารถพบได้ในแคโรทีนอยด์จากพืชโดยเฉพาะแครอทอีกด้วย หากเราบริโภคอย่างพอดี ก็จะไม่ทำให้เกิดอาการมือเหลืองได้ และอาจใช้วิธีนวดมือ เพื่อให้เลือดลมไหลเวียนดีด้วยก็ได้ค่ะ
แต่ถ้าหากว่าผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง โดยที่ไม่ได้เหลืองแค่มือแล้วนั้น อาจจะบ่งบอกถึงอาการอื่นๆ เช่น ตับอักเสบ หรือมีการอุดตันของทางเดินน้ำดีซ่อนอยู่ หรือที่เรียกกันว่า ดีซ่าน ซึ่งเป็นอาการที่ต้องทำการรักษา ให้ลองสังเกตตนเองว่า หากมือเหลือง เกิดจากอย่างอื่นที่ไม่ใช่อาหาร แต่เหลืองทั้งมือ เท้า ตัว รวมถึงหากตาเหลือง และอุจจาระมีสีซีดลง แนะนำให้ไปพบแพทย์โดยเร็วนะคะ แต่ถ้าหากตัวเหลือง ฝ่ามือฝ่าเท้าเหลือง แต่ตายังไม่เหลือง ก็ไม่ต้องตกใจไป เป็นเพียงการกินผักผลไม้ที่มีแคโรทีนจำนวนมากเท่านั้น หากหยุดกินสีเหลืองก็จะค่อยๆ จางลงและหายไปเองได้ค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : หากมีผิวรอบดวงตาเป็นสีเหลือง อันตรายหรือไม่ ? อาการนี้อาจเกิดจากสภาพที่เรียกว่า Xanthelasma Palpebrarum ซึ่งส่งผลให้มีไขมันสะสม ส่วนใหญ่เป็นคอเลสเตอรอล และปรากฏเป็นสีเหลืองบนผิวหนังรอบดวงตา มักไม่เป็นอันตรายค่ะ
อาการมือเหลือง เกิดจากสาเหตุใดได้บ้างนั้นก็ได้รู้กันไปแล้ว หากมือเหลืองเพียงอย่างเดียว หรือเท้าเหลือง ตัวเหลือง แต่ไม่มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย นั่นเกิดจากการกินอาหารที่มีแคโรทีนในปริมาณมากค่ะ ซึ่งไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด แค่เพียงหยุดกินอาการก็จะหายไปเอง แต่หากว่ามีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ตาเหลือง นั่นอาจบ่งบอกถึงปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวิธีรักษาอย่างถูกต้องนะคะ เช่นเดียวกับความผิดปกติอย่าง โรค มือเท้าปาก ไม่มีไข้ ก็ต้องไปพบแพทย์เช่นกัน เพื่อวินิจฉัยและรักษาให้เหมาะสมค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : verywellhealth.com, webmd.com
Featured Image Credit : freepik.com/nakaridore
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ