“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
เทมเป้ กินสดได้ไหม ? หรือควรปรุงก่อน ? เจาะลึกคำตอบที่สายสุขภาพต้องรู้ ! (พร้อม 10 ไอเดียเมนูเทมเป้)
คนรักสุขภาพหลายๆ คนเริ่มหันมาสนใจ “เทมเป้” แต่ยังลังเลว่าเทมเป้ กินสดได้ไหม หรือว่าควรปรุงก่อนดีถึงจะปลอดภัย และได้ประโยชน์เต็มที่ ? ในบทความนี้ เพื่อสุขภาพจะพาไปเจาะลึกแบบเข้าใจง่าย ตั้งแต่วิธีเช็กความสด ความเสี่ยง ความปลอดภัย ไปจนถึงเคล็ดลับเตรียมเทมเป้ให้อร่อยขึ้น (ไม่เหม็น ไม่ฝาด) เรายังสรุปข้อดีเชิงโภชนาการที่เทมเป้เหนือกว่าโปรตีนพืชตัวอื่น พร้อมแนะแนวทางเริ่มกินอย่างค่อยเป็นค่อยไปสำหรับมือใหม่ และปิดท้ายด้วย 10 ไอเดียเมนูเทมเป้ ที่ทำตามได้ง่าย ได้โปรตีนสูง กินเพลินแบบไม่จำเจ ครัวไหนก็ทำได้ค่ะ
เทมเป้ กินสดได้ไหม ? ทำไมคนรักสุขภาพทั่วโลกถึงเลือกโปรตีนพืชชนิดนี้

ถ้าพูดถึงโปรตีนพืชที่กำลังมาแรงทั่วโลก “เทมเป้” คือหนึ่งในวัตถุดิบที่คนรักสุขภาพ และสายมังสวิรัติเลือกกินมากที่สุดในตอนนี้ เพราะไม่เพียงให้โปรตีนสูง ย่อยง่าย และมีโพรไบโอติกส์ดีต่อระบบลำไส้ แต่ยังเป็นอาหารหมักจากธรรมชาติที่อุดมด้วยวิตามิน B12 ซึ่งหาได้ยากในพืชทั่วไป หลายคนจึงหันมาใช้เทมเป้แทนเนื้อสัตว์ ทั้งเพื่อดูแลสุขภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เรามาทำความเข้าใจรายละเอียดเรื่องเทมเป้แบบเจาะลึกกันต่อเลยค่ะ
เทมเป้คืออะไร ? ทำไมคนรักสุขภาพทั่วโลกถึงนิยม
“เทมเป้ (Tempeh)” คือ อาหารพื้นเมืองของชาวชวาในประเทศอินโดนีเซียที่มีประวัติยาวนานกว่าหลายร้อยปี ทำจากถั่วเหลืองที่ผ่านการหมักด้วยเชื้อราสายพันธุ์ Rhizopus oligosporus จนเกิดเป็นเส้นใยสีขาวห่อหุ้มถั่วให้ยึดติดกันเป็นก้อนแน่น
เทมเป้จึงเป็นอาหารหมักที่มีทั้งโปรตีนคุณภาพสูง จุลินทรีย์ดี (โพรไบโอติกส์) และสารอาหารที่ร่างกายดูดซึมได้ง่ายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทมเป้ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพทั่วโลก เพราะถือเป็น “Superfood จากอินโดนีเซีย” ที่ตอบโจทย์ทั้งคนกินมังสวิรัติ กินอาหารวีแกน และผู้ที่ต้องการลดเนื้อสัตว์แต่ยังอยากได้โปรตีนครบถ้วน
จุดเด่นของเทมเป้ที่ทำให้ต่างจากเต้าหู้ มีอะไรบ้าง ?
- ผ่านการหมักตามธรรมชาติ ทำให้มีโพรไบโอติกส์ช่วยดูแลลำไส้
- โปรตีนย่อยง่ายกว่าและมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน
- มีใยอาหารสูง ช่วยให้อิ่มนานและควบคุมน้ำตาลในเลือด
- อุดมด้วยวิตามิน B12 ที่มักพบในเนื้อสัตว์
- มีเนื้อสัมผัสแน่น เคี้ยวหนึบ ทำให้ใช้แทนเนื้อสัตว์ในเมนูต่างๆ ได้ดี
ตารางเปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการ
| คุณสมบัติ | เทมเป้ (Tempeh) | เนื้อสัตว์ (เช่น อกไก่) | เต้าหู้ (Tofu) |
|---|---|---|---|
| แหล่งโปรตีน | โปรตีนพืชหมักจากถั่วเหลือง | โปรตีนจากสัตว์ | โปรตีนพืชจากถั่วเหลือง |
| ปริมาณโปรตีน (ต่อ 100 กรัม) | 18–20 กรัม | 22–25 กรัม | 8–10 กรัม |
| ไขมัน | ต่ำและเป็นไขมันไม่อิ่มตัว | มีไขมันอิ่มตัวบางส่วน | ต่ำมาก |
| ใยอาหาร (Fiber) | มีสูง (เพราะผ่านการหมัก) | ไม่มี | แทบไม่มี |
| วิตามิน B12 | มีจากกระบวนการหมัก | มีจากธรรมชาติ | ไม่มี |
| โพรไบโอติกส์ | มีจุลินทรีย์ดีช่วยย่อย | ไม่มี | ไม่มี |
| การย่อยและดูดซึม | ย่อยง่าย ดูดซึมดี | ย่อยยากกว่าพืชบางชนิด | ย่อยง่าย |
| คอเลสเตอรอล | ไม่มี | มี (โดยเฉพาะเนื้อแดง) | ไม่มี |
| ความเหมาะสมกับสายอาหาร | เหมาะกับมังสวิรัติและวีแกน | เหมาะกับผู้กินเนื้อทั่วไป | เหมาะกับมังสวิรัติ |
| ผลต่อสิ่งแวดล้อม | ใช้น้ำและพื้นที่น้อย ปล่อยคาร์บอนต่ำ | ใช้ทรัพยากรมาก ปล่อยคาร์บอนสูง | ปานกลาง |
เทมเป้ กินสดได้ไหม ? คำตอบจากมุมมองโภชนาการ
คำถามยอดฮิตของคนเริ่มรู้จักเทมเป้คือ “เทมเป้ กินสดได้ไหม ?” คำตอบคือ “ได้ในบางกรณี” ค่ะ แต่ต้องเข้าใจเงื่อนไขและเลือกเทมเป้ให้ถูกประเภท เพื่อให้ได้ประโยชน์ครบโดยไม่เสี่ยงต่อสุขภาพ เพราะว่าเทมเป้ทำจากถั่วเหลืองที่ผ่านการ ต้มจนสุกก่อนนำไปหมัก กับเชื้อราสายพันธุ์ Rhizopus oligosporus ดังนั้นตัวถั่วเองจึง “สุกแล้ว” ไม่ได้ดิบเหมือนถั่วธรรมดา เมื่อหมักจนเกิดเส้นใยสีขาวห่อถั่วไว้ นั่นคือจุลินทรีย์ดีที่ช่วยย่อยโปรตีนให้ร่างกายดูดซึมง่ายขึ้น และยังมีโพรไบโอติกส์ที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ซึ่งจะยังคงอยู่ครบถ้าเรากินเทมเป้แบบสดค่ะ แต่ว่าเทมเป้สดควรเลือกเฉพาะที่
- ผลิตใหม่ภายใน 1–2 วัน
- สีขาวสะอาด ไม่มีจุดสีเขียว ดำ หรือเทา
- ไม่มีกลิ่นเปรี้ยวหรือกลิ่นแอมโมเนีย
หากพบรอยด่างหรือกลิ่นแปลก ควรเลี่ยงทันที เพราะอาจมีเชื้อราปนเปื้อนซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินอาหารได้ค่ะ
แล้ว “ควรปรุงก่อนกิน” ไหม ?
สำหรับคนที่ยังไม่เคยลอง แนะนำให้ ปรุงให้สุกก่อนในช่วงแรก เช่น นึ่ง ย่าง หรือผัด จะช่วยลดกลิ่นเฉพาะตัว และรสขมอ่อนๆ ของเทมเป้สดลงได้ โดยยังคงคุณค่าทางโภชนาการไว้เกือบครบถ้วนค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : การนึ่งเทมเป้ประมาณ 10 นาที ก่อนนำไปปรุงเมนูอื่น จะช่วยให้รสชาตินุ่มละมุนขึ้นและย่อยง่ายขึ้นมากกว่าเดิม
ประโยชน์จากการกินเทมเป้สด
- ได้รับจุลินทรีย์ดี (โพรไบโอติกส์) เต็มที่
- โปรตีนผ่านการหมักย่อยบางส่วน ย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์
- มีเอนไซม์ธรรมชาติที่ช่วยระบบย่อยอาหาร
- รสสัมผัสแน่น เคี้ยวมัน และให้พลังงานต่ำ เหมาะกับคนคุมน้ำหนัก
แต่ถ้าไม่แน่ใจในความสะอาดของแหล่งผลิต การเลือก “กินเทมเป้แบบปรุงสุก” จะปลอดภัยกว่า และยังได้ประโยชน์ไม่ต่างกันมากนักค่ะ
ปรุง “เทมเป้” ยังไงให้อร่อย ? (รวมเทคนิคก่อนเข้าสูตร)
แม้เทมเป้จะเป็นอาหารสุขภาพ แต่หลายคนมักบ่นว่ากินครั้งแรก “กลิ่นแรง” หรือ “รสจืด” เรามาทำความเข้าใจธรรมชาติของเทมเป้ และเตรียมให้ถูกวิธี ก็จะได้รสชาติที่กลมกล่อม และนุ่มอร่อยไม่แพ้เนื้อสัตว์เลยค่ะ
1. นึ่งเทมเป้ก่อนปรุง 10 นาที
การนึ่งก่อนจะช่วยลดกลิ่นเฉพาะตัว และทำให้เนื้อสัมผัสนุ่มขึ้น ถ้าอยากให้เทมเป้มีกลิ่นหอมธรรมชาติ แนะนำให้นึ่งพร้อมใบเตยหรือขิงฝานบางๆ ค่ะ
2. หมักก่อนปรุงเพิ่มรสชาติเข้มข้น
ใช้เวลาหมักเพียง 15–30 นาที ก็ช่วยให้มีรสชาติที่เข้มข้นขึ้นได้แล้วค่ะ ลองมาดูสูตรหมักพื้นฐานกันนะคะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา
- กระเทียมสับ
- น้ำมะนาว หรือเมเปิ้ลไซรัปเล็กน้อย
สามารถเติมเครื่องเทศตามสไตล์คุณได้อีก เช่น พริกไทยดำ ผงปาปริก้า หรือซอสเทอริยากิค่ะ
3. วิธีปรุงที่ช่วยชูรสเทมเป้
- อบหรือทอดในหม้อทอดไร้น้ำมัน ทำให้มีความกรอบนอกนุ่มใน
- ผัดกับสมุนไพรไทย เช่น ตะไคร้ ขิง หรือพริกขี้หนู ช่วยลดกลิ่น และเพิ่มรสชาติ
- อบราดซอสหวานเค็ม เช่น ซอสเมเปิ้ลหรือซอสเทอริยากิ เหมาะกับคนเพิ่งเริ่มกิน
4. ผสมในเมนูอื่นให้กินง่ายขึ้น
เริ่มจากเมนูคุ้นเคยเพื่อให้ชินกับรส และกลิ่นได้มากขึ้น กินง่ายขึ้น มือใหม่ก็แฮปปี้ได้มากขึ้นค่ะ เช่น
- ยำเทมเป้
- ผัดผักรวมเทมเป้
- สลัดเทมเป้อบกรอบ
- แซนวิชเทมเป้กับอะโวคาโด
5. เทคนิคเก็บเทมเป้ให้นุ่มอร่อยนาน
- เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา 7–10 วัน
- หากต้องการเก็บนานกว่านั้น ให้แช่แข็ง และละลายน้ำเย็นก่อนนำมาปรุง
- อย่าอุ่นซ้ำหลายรอบ เพราะจะทำให้เนื้อเทมเป้แข็งและเสียรสชาติ
เกร็ดสุขภาพ : เทมเป้จะอร่อยที่สุดเมื่อปรุงแบบ “พอดี” คือ ไม่แห้งเกิน และไม่ชุ่มน้ำมัน เวลาปรุงให้คิดเหมือนว่าเราปรุงเนื้อสัตว์ แล้วรสชาติจะออกมานุ่มละมุนทุกจานค่ะ
แชร์สูตรเทมเป้ เมนูอร่อย จัดเต็ม 10 เมนู อร่อยและดีต่อสุขภาพ
1. สลัดเทมเป้อบกรอบ

เทมเป้ เมนูแรก เหมาะสำหรับคนที่เริ่มกินเทมเป้ใหม่ๆ การเอาเทมเป้ไปทำให้สุกนั้นจะกินได้ง่ายกว่า และการอบให้กรอบนั้นจะช่วยให้เนื้อสัมผัสมีความกรอบอร่อย กินได้ง่ายขึ้น แถมยังเป็นเมนูที่ทำได้ง่าย มาทำตามกันเลยค่ะ
วัตถุดิบ :
- เทมเป้ตามต้องการ
- ผักสลัดตามชอบ
- แครอทขูดฝอยตามต้องการ
- มะเขือเทศราชินีผ่าครึ่ง 5 ลูก
- แอปเปิ้ลหั่นเต๋า ½ ลูก
- น้ำสลัดตามชอบ
วิธีทำ :
- หั่นเทมเป้เป็นชิ้นพอดีคำ พักไว้
- เอาไปอบในหม้อทอดไร้น้ำมันอุณหภูมิ 180 องศา เป็นเวลา 10 – 15 นาที หรือนำไปอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศา โปรแกรมพัดลม เป็นเวลา 15 นาที
- นำผักสลัดที่เตรียมไว้และผักผลไม้ชนิดอื่นๆ มาจัดใส่จาน
- เมื่อเทมเป้สุกดี พักให้หายเย็น และนำมาโรยหน้าสลัด จากนั้นราดน้ำสลัด หรือโรยชีสตามชอบ พร้อมรับประทาน
2. เทมเป้คั่วพริกเกลือ

เทมเป้คั่วพริกเกลือ เป็นเมนูจากเทมเป้ที่เหมาะสมหรับคนชอบรสชาติจัดจ้าน ทั้งยังได้ประโยชน์จากกระเทียมและพริกขี้หนู สารแคปไซซินในพริกก็มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยบรรเทาอาการปวดหรือเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ช่วยในการเผาผลาญพลังงาน รวมถึงช่วยป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ขอบอกว่าเมนูนี้กินกับข้าวสวยร้อนๆ แล้วอร่อยมากค่ะ จะเลือกเป็นข้าว กข 43 ที่มีน้ำตาลต่ำ ก็จะดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้นนะคะ
วัตถุดิบ :
- เทมเป้หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ ตามต้องการ
- กระเทียมซอย
- พริกขี้หนูซอย
- ต้มหอมซอย
- น้ำมันมะกอกสำหรับทำอาหาร
- ซอสถั่วเหลือง
- น้ำตาลทรายแดงเล็กน้อย
วิธีทำ :
- สเปรย์น้ำมันให้ทั่วกระทะ และนำเอาเทมเป้ไปทอดจนมีสีเหลืองสวยงาม
- ใส่กระเทียมซอยตามลงไป ผัดจนหอม
- ตามด้วยพริกขี้หนูซอยและต้นหอมซอย ผัดให้เข้ากัน
- ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองและน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อย
- ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
3. ยำสมุนไพรเทมเป้

มากันที่เมนูเทมเป้แบบไทยๆ บ้าง แม้จะหายสงสัยกันไปแล้วว่าเทมเป้ กินสดได้ไหม ? ซึ่งสามารถกินสดได้ แต่เมนูนี้แนะนำให้เอาเทมเป้ไปคั่วในกระทะให้สุกก่อน จะมีรสชาติดีกว่า นอกจากจะได้โปรตีนเน้นๆ จากเทมเป้แล้ว ยังได้ประโยชน์จากสมุนไพรไทยทั้งหอมแดง สะระแหน่ ตะไคร้ และได้ใยอาหารจากผักหลากชนิด เป็นเมนูที่อยู่ท้อง ไขมันต่ำ เหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักมากๆ ค่ะ
วัตถุดิบ :
- เทมเป้หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 100 กรัม
- น้ำมันมะกอกเล็กน้อย
- มะเขือเทศหั่นเป็นซีก 1 – 2 ลูก
- มะนาว ½ ลูก
- ผักสลัดตามต้องการ
- หอมแดงซอย 1 ลูก
- สะระแหน่ตามต้องการ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา
วิธีทำ :
- ตั้งกระทะ เทน้ำมันมะกอกลงไป และนำเอาเทมเป้ลงไปคั่วในกระทะให้สุกเหลืองดี ตักขึ้นมาพักไว้
- นำเอาผักสลัด มะเขือเทศ หอมแดงซอย และใบสะระแหน่ใส่ลงไปในชามผสม ตามด้วยเทมเป้
- ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทรายแดง คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามต้องการ
- ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
4. เทมเป้อบซอสเมเปิ้ล

มาต่อกันที่เมนูแนวตะวันตกบ้างค่ะ เหมาะสำหรับกินเป็นมื้อเย็น เทมเป้นั้นมีโปรตีนสูงและเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดีที่ย่อยได้ง่าย ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ง่าย ไม่ทำให้ท้องอืด และยังมีใยอาหารสูงด้วย เมนูจานนี้จะออกหวานนิดๆ จากซอสเมเปิ้ล สามารถตัดเลี่ยนด้วยผักเคียงต่างๆ อย่างผักสลัด หรือจะเป็นผักดองอย่างแตงกวาดองหรือหัวไชเท้าดองก็ได้ แต่ควรระวังเรื่องโซเดียมด้วยนะคะ
วัตถุดิบ :
- เทมเป้ ขนาด 150 กรัม 1 ก้อน (สำหรับ 2 – 3 ที่)
- น้ำมันมะกอกสำหรับทำอาหาร 1 ช้อนโต๊ะ
- ผงกระเทียม 1 ช้อนชา
- ผงหอมหัวใหญ่ 1 ช้อนชา
- ผงโหระพา 1 ช้อนชา
- พริกไทยตามชอบ
- เมเปิ้ลไซรัป 4 ช้อนโต๊ะ
- แอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- มัสตาร์ด 1 ช้อนโต๊ะ
- ผักเครื่องเคียงอื่นๆ ตามชอบ
- ใบไทม์ ใบโรสแมรี่ หรือผักชีสำหรับตกแต่ง
วิธีทำ :
- หั่นเทมเป้ออกเป็น 4 ชิ้น จากนั้นนำไปนึ่งประมาณ 10 นาที
- ระหว่างที่กำลังรอเทมเป้สุก ผสมเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้ากัน ทั้งน้ำมันมะกอก ผงกระเทียม หอมใหญ่ ผงโหระพา พริกไทย เมเปิ้ลไซรัป แอปเปิ้ลไซเดอร์ ซีอิ๊วขาว และมัสตาร์ด
- นำเทมเป้ที่นึ่งแล้วคลุกเคล้ากับซอสให้เข้ากัน วางบนถาดอบ จากนั้นนำเข้าอบในเตาอุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส นาน 20 นาที หรือจนกว่าจะสุกน่ารับประทาน
- ตกแต่งจานด้วยใบไทม์ โรสแมรี่ เสิร์ฟพร้อมผักอบเป็นเครื่องเคียงอื่นๆ ตามชอบ
5. สลัดเทมเป้กับอะโวคาโด

สลัดจานนี้ ได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วนทั้งโปรตีนจากเทมเป้ กรดไขมันชนิดดีจากอะโวคาโด ได้ใยอาหารจากผักสลัดอื่นๆ ตามชอบ และตัดเลี่ยนด้วยรสเผ็ดร้อนเล็กน้อยของหอมแขกซอย แนะนำว่าใช้ใช้น้ำสลัดแบบใสอย่างน้ำสลัดงาญี่ปุ่น หรือน้ำสลัดบัลซามิก จะได้ชูรสอาหารให้มีรสชาติมากยิ่งขึ้นค่ะ
วัตถุดิบ :
- เทมเป้หั่นรูปแบบ จำนวนตามชอบ
- อะโวคาโด 1 ลูก
- ผักสลัดรวม 1 ถ้วย
- หอมแขกซอย ½ หัว
- น้ำสลัดงาญี่ปุ่น หรือน้ำสลัดบัลซามิก
- ถั่วหรือเมล็ดธัญพืชอื่นๆ สำหรับโรยหน้า
วิธีทำ :
- สำหรับใครที่ต้องการรับประทานเทมเป้แบบสุก ให้นำเทมเป้ไปย่างบนกระทะให้สุกเรียบร้อยดีก่อน แต่ถ้าใครอยากกินสด ให้หั่นเทมเป้ในรูปทรงตามชอบ แล้วพักไว้
- หั่นอะโวคาโดตามแนวยาว
- นำผักสลัดมาจัดใส่จาน ตามด้วยเทมเป้ อะโวคาโด และหอมแขกซอย
- ราดน้ำสลัดตามชอบ โรยหน้าด้วยเมล็ดธัญพืช เพียงเท่านี้ ก้จะได้สลัดเทมเป้ เมนูทำง่ายๆ แต่มากด้วยคุณประโยชน์แล้วค่ะ
6. เทมเป้เทอริยากิ

มาต่อกันที่เมนูที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นกันบ้าง เทมเป้เทอริยากิเมนูนี้ มีส่วนผสมเป็นซอสเทอริยากิมังสวิรัติแบบโฮมเมด ที่สามารถทำเองได้ไม่ยาก ทั้งยังปราศจากกลูเตนอีกด้วย ใครที่แพ้กลูเต็น สามารถรับประทานได้ ไม่ต้องกลัวแพ้เลยค่ะ
วัตถุดิบ :
- เทมเป้หั่นเต๋า 1 ถ้วย
- บรอกโคลีหั่น 1 หัว
- พริกหยวกสับ 1 เม็ด
- ซูกินีหั่น 1 ลูก
- ซีอิ๊วขาวโซเดียมต่ำ ½ ถ้วย
- น้ำเปล่า ½ ถ้วย
- น้ำตาลทรายแดง ¼ ถ้วย
- น้ำส้มสายชูข้าว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 3 กลีบ
- ขิงป่น ½ ช้อนชา
- แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเย็นจัด ¼ ถ้วย
- งาขาว เล็กน้อย
วิธีทำ :
- วอร์มเตาอบที่ 190 องศาเซลเซียส
- วางเทมเป้ลงบนถาดรองอบ ใส่บรอกโคลี พริกหยวก และซูกินีตามลงไป
- ตั้งกระทะ ใส่ซีอิ๊ว น้ำเปล่า น้ำตาล น้ำส้มสายชูข้าว น้ำมันงา กระเทียม และขิง ผัดให้เข้ากัน จากนั้นนำไปต้มแล้วลดความร้อนให้ต่ำ เคี่ยวเป็นเวลา 5 นาที
- ใส่แป้งข้าวโพดและน้ำเย็นลงในชามใบเล็ก ตีให้เข้ากันจนเนียน จากนั้นเทแป้งข้าวโพดละลายแล้วลงในหม้อ คนให้เข้ากัน และเคี่ยวเป็นเวลา 5 นาทีจนซอสข้น จะได้ซอสเทอริยากิ จากนั้นยกออกจากเตา
- เทซอสเทอริยากิลงบนเทมเป้และผัก ให้เคลือบอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นนำเข้าเตาอบเป็นเวลา 15 นาที เมื่อสุกดีแล้วนำออกจากเตา โรยงาขาวแล้วจัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมข้าว
7. เทมเป้ย่างซอส

วิธีกินเทมเป้ กินยังไงให้อร่อย ? เทมเป้จะรสชาติดียิ่งขึ้นเมื่อนำมาปรุงรส ขอแนะนำเมนูเลยนี้ค่ะ เทมเป้หมักซีอิ๊วย่าง ที่ให้รสชาติอร่อย หอมกลิ่นควัน แถมยังกินกับแซนวิช สลัด หรือกินคู่กับผักที่ชอบก็อร่อยด้วยค่ะ
วัตถุดิบ :
- เทมเป้ 220 กรัม
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเชื่อมเมเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะ
- ผงกระเทียม ¼ ช้อนชา
- เกลือ ¼ ช้อนชา
วิธีทำ :
- หั่นเทมเป้เป็นชิ้นบางๆ พักไว้
- ผสมซีอิ๊วขาว น้ำเชื่อมเมเปิ้ล ผงกระเทียม และเกลือเข้าด้วยกัน จากนั้นเทลงบนเทมเป้ แล้วนำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 10 นาที หรือนานถึง 4 ชั่วโมง
- นำเทมเป้ย่างบนไฟร้อนปานกลาง ฉีดสเปรย์เคลือบสารกันติดที่ตะแกรง จากนั้นวางเทมเป้ลงไปย่างด้านแรกเป็นเวลา 4 นาที แล้วพลิกกลับด้าน ใช้แปรงทาน้ำที่หมักไว้อีกเล็กน้อย แล้วย่างอีก 3 – 4 นาที
- เมื่อสุกดีทั้งสองด้านแล้ว จัดใส่จาน โรยด้วยเกลือเล็กน้อย พร้อมเสิร์ฟ
8. เทมเป้เคลือบซอสถั่วเหลือง

เทมเป้ เมนูนี้ ใช้เป็นเครื่องโรยหน้าสำหรับเมนูมังสวิรัติได้หลายเมนู ให้รสหวาน เค็ม และเผ็ดเล็กน้อย สามารถกินคู่กับข้าว หรือโรยลงบนสลัดก็ได้ เป็นเมนูที่ทำง่ายสุดๆ ใช้เวลาไม่นาน ก็ได้เมนูแสนอร่อย รับประทานได้ง่ายๆ แล้วค่ะ
วัตถุดิบ :
- เทมเป้ 220 กรัม
- น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
- กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ หากไม่มีใช้น้ำเชื่อมเมเปิ้ลแทนได้
- น้ำส้มสายชูข้าว 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 2 กลีบ
- ขิงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น ¼ ช้อนชา
- น้ำตาล และเกลือ เล็กน้อย
- แตงกวาฝาน ต้นหอมซอย และงา สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ :
- ใช้นิ้วบี้เทมเป้จนดูเหมือนเนื้อบด
- ตั้งกระทะเติมน้ำ ½ ถ้วย ใส่เทมเป้ลงไปต้ม แล้วเคี่ยวบนไฟร้อนปานกลางจนน้ำระเหยหมด ประมาณ 5 นาที
- ใส่น้ำมันลงไป ผัดด้วยไฟปานกลางจนเทมเป้เป็นสีน้ำตาลทองและกรอบ 8 ถึง 10 นาที
- ผสมซีอิ๊ว น้ำมันงา กากน้ำตาล น้ำส้มสายชู น้ำตาล และเกลือ เข้าด้วยกัน ตามด้วยกระเทียม ขิง และพริกป่น คนให้เข้ากัน
- เมื่อเทมเป้สุกกรอบเป็นสีน้ำตาลแล้ว ให้ใส่ซอสที่ทำไว้ลงไป ผัดต่ออีก 30 วินาที หรือจนซอสเคลือบเทมเป้จนทั่ว
- ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมข้าว แต่งจานด้วยแตงกวาฝาน ต้นหอมซอย และงา
9. แซนวิชเทมเป้

นอกจากกินเทมเป้กับข้าวหรือสลัดแล้ว เทมเป้ กินยังไงได้อีกบ้างนั้น เราสามารถนำเอาเทมเป้มาทำเป็นไส้แซนวิชแสนอร่อยได้อีกด้วย แซนวิชเทมเป้เมนูนี้เป็นแซนวิชมังสวิรัติที่รสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับคนรักแซนวิชทุกคน
วัตถุดิบ :
- ขนมปังโฮลเกรน 4 แผ่น
- เทมเป้หั่น 8 ชิ้น
- ผักร็อกเก็ต 2 กำมือ
- มะเขือเทศอบแห้งในน้ำมัน ½ ถ้วย
- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้มสายชูบัลซามิก 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเชื่อมเมเปิ้ล 2 ช้อนชา
- อโวคาโด 1 ลูก
- น้ำเลมอน ½ ลูก
- เกลือและพริกไทย
วิธีทำ :
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน แล้วนำเทมเป้ลงไปทอด หลังจากผ่านไป 2 – 3 นาที เติมซีอิ๊วขาว น้ำส้มสายชู และน้ำเชื่อมเมเปิ้ลลงไป ผัดและปรุงอีก 3 – 4 นาที
- ตักเนื้ออะโวคาโดใส่ในชาม ตามด้วยน้ำเลมอน เกลือ และพริกไทย คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ทาสเปรดอโวคาโดให้ทั่วขนมปังทั้ง 2 แผ่น
- วางผักร็อกเก็ตลงบนขนมปังอีก 2 แผ่นที่เหลือ ตามด้วยมะเขือเทศแห้งสับ
- เมื่อเทมเป้สุกแล้ว วางลงบนขนมปังที่มีผักร็อกเก็ต นำขนมปังด้านที่ทาอโวคาโดประกบลงไป
- หั่นครึ่งแซนวิชทั้งสองชิ้น พร้อมเสิร์ฟ
10. เทมเป้ผัดผักรวม

เมนูสุดท้าย เป็นเมนูจากเทมเป้ง่ายๆ ใครที่ชอบกินผัดผัก หากเบื่อใส่เต้าหู้แข็งแล้ว จะเปลี่ยนมาเป็นเทมเป้แทนก็ได้นะคะ ได้โปรตีนสูงไม่แพ้กัน และทำให้ผัดผักจานเด็ดของเราไม่น่าเบื่ออีกต่อไป มาทำตามกันเลยค่ะ
วัตถุดิบ :
- เทมเป้หั่นชิ้นพอดีคำ 220 กรัม
- น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
- บรอกโคลี 100 กรัม
- แครอท 50 กรัม
- มะเขือเทศฝานเอาไส้ออก 1 ลูก
- กระเทียมสับ 2 – 3 กลีบ
- ขิงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวสวยสำหรับเสิร์ฟ
- งาขาว งาดำ เล็กน้อย
วิธีทำ :
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอกลงไป ใช้ไฟร้อนปานกลาง
- ใส่เทมเป้ลงไปผัดจนเป็นสีน้ำตาลอ่อน ประมาณ 5 นาที
- ใส่บรอกโคลีและแครอทตามลงไป ผัดให้สุกดี
- จากนั้นใส่มะเขือเทศตามลงไป
- เพิ่มกระเทียมและขิงลงไป ผัดต่อจนส่งกลิ่นหอม
- ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว แล้วผัดต่อจนกระทั่งสุกเต็มที่
- เสิร์ฟบนข้าวและโรยด้วยงา
เกร็ดสุขภาพ : รสชาติของเทมเป้จะจืดและมีกลิ่นคล้ายเห็ดเข็มทอง และเทมเป้อาจมีรสชาติเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากระยะเวลาในการบ่ม หากไม่แช่ตู้เย็นจะมีรสเปรี้ยวคล้ายโยเกิร์ต สามารถกินได้ปกติ เทมเป้สามารถนำไปประกอบอาหารต่างๆ ได้หลายเมนูไม่ว่าจะต้ม ผัด แกง ทอด หรือใส่ในสลัด เพราะสามารถใช้แทนเนื้อสัตว์ได้ในทุกๆ เมนู ประโยชน์เทมเป้ ยังเป็นแหล่งของวิตามิน B12 ที่ส่วนใหญ่จะพบได้จากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ทั้งนี้วิตามิน B12 จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง และป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง ซึ่งวิตามินนี้จะไม่พบในพืชผักต่างๆ การกินเทมเป้จึงสามารถทดแทนการกินเนื้อสัตว์ได้ค่ะ
ข้อควรระวัง และ คำแนะนำสำหรับคนเพิ่งเริ่มกินเทมเป้
แม้เทมเป้จะเป็นอาหารสุขภาพที่มีประโยชน์มาก แต่ก็มีบางเรื่องที่ควรรู้ไว้ก่อนเริ่มลอง เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวและปลอดภัยค่ะ
- เก็บเทมเป้อย่างถูกวิธี แช่ตู้เย็นช่องธรรมดาได้ประมาณ 7–10 วัน หรือช่องฟรีซได้นาน 6 เดือน เพื่อป้องกันเชื้อราปนเปื้อน
- ผู้แพ้ถั่วเหลืองควรหลีกเลี่ยง เพราะเทมเป้ทำจากถั่วเหลืองหมัก ซึ่งอาจกระตุ้นอาการแพ้ได้
- เริ่มจากปริมาณน้อยๆ ก่อน เช่น 2–3 ชิ้นเล็ก เพื่อดูว่าร่างกายตอบสนองอย่างไร
- ควรปรุงให้สุกก่อนในช่วงแรก โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่แน่ใจว่าจะแพ้หรือไม่
- กินร่วมกับแหล่งโปรตีนอื่นๆ เช่น ถั่ว เมล็ดธัญพืช หรือเต้าหู้ เพื่อให้ได้รับกรดอะมิโนครบถ้วน
FAQ : คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกินเทมเป้
A : เทมเป้ผ่านการหมักด้วยเชื้อราดี Rhizopus oligosporus ทำให้มีโพรไบโอติกส์และใยอาหารสูง ส่วนเต้าหู้เป็นเพียงการตกตะกอนจากน้ำนมถั่วเหลือง จึงไม่มีจุลินทรีย์ดี และมีโปรตีนย่อยยากกว่า
A : ควรแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา เก็บได้ 7–10 วัน หรือแช่ช่องฟรีซได้ถึง 6 เดือน หลีกเลี่ยงการวางไว้ในอุณหภูมิห้องเพราะอาจเกิดการหมักต่อจนรสเปรี้ยว และเสียได้
A : กลิ่นถั่วหมักอ่อนๆ ถือว่าปกติ แต่หากมีกลิ่นเปรี้ยวจัดหรือกลิ่นแอมโมเนีย แสดงว่าเทมเป้เริ่มเสีย ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน
A : สามารถกินได้ทุกวันในปริมาณพอเหมาะ (ประมาณ 100–150 กรัมต่อวัน) ควรสลับกับแหล่งโปรตีนอื่น เช่น ถั่ว ธัญพืช หรือเต้าหู้ เพื่อให้ได้กรดอะมิโนหลากหลายครบถ้วน
A : ได้ค่ะ เทมเป้เป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายและให้พลังงานต่ำ แต่ควรปรุงให้สุก และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีปัญหาการเคี้ยว
A : ได้ค่ะ เพราะมีใยอาหารสูง และให้ความอิ่มนาน โปรตีนในเทมเป้ยังช่วยคงมวลกล้ามเนื้อขณะลดน้ำหนักได้ดี
แนะนำให้ปรุงแบบนึ่ง อบ หรือย่าง เพื่อหลีกเลี่ยงไขมันส่วนเกินจากการทอด
A : เทมเป้ธรรมชาติแทบไม่มีโซเดียม แต่เมื่อนำมาปรุง เช่น เทอริยากิหรือผัดซอส จะมีโซเดียมเพิ่มจากเครื่องปรุงรส ดังนั้นผู้ป่วยโรคไตหรือผู้ที่ควรจำกัดเกลือจึงควรเลือกเทมเป้ธรรมชาติ และลดการปรุงรสเค็ม
A : ในเทมเป้มีไฟโตเอสโตรเจนจากถั่วเหลือง ซึ่งช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิงโดยธรรมชาติ จึงเหมาะสำหรับหญิงวัยทอง เพราะช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบและช่วยดูแลกระดูกด้วย
A : ให้นึ่งเทมเป้ประมาณ 10 นาที ก่อนนำไปปรุง จะช่วยลดกลิ่นเฉพาะตัว หรือหมักกับเครื่องเทศ เช่น กระเทียม ซีอิ๊ว พริกไทย จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติให้อร่อยขึ้น
A : จริงค่ะ เพราะเทมเป้ให้โปรตีนสูง ย่อยง่าย มีจุลินทรีย์ดี และเป็นโปรตีนพืช เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพในระยะยาว ทั้งเรื่องลำไส้ หัวใจ และระดับน้ำตาลในเลือด
สำหรับใครที่สงสัยว่า เทมเป้ กินสดได้ไหม ? ตอนนี้ก็ได้ทราบกันแล้วนะคะว่าเทมเป้สามารถกินได้ทั้งแบบสดและแบบปรุงสุก ใครที่อยากผันตัวมาเป็นมังสวิรัติหรืออยากลองเป็นวีแกนดูบ้างแต่ยังกลัวว่าจะได้รับโปรตีนที่ไม่เพียงพอ เทมเป้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ ค่ะ และสำหรับคนทั่วไป ก็สามารถเลือกใช้เทมเป้แทนเนื้อสัตว์ได้เช่นกัน เพราะเทมเป้ก็มีประโยชน์มากมาย มีโปรตีนสูงและดีต่อสุขภาพมากๆ ค่ะ
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ
☕ สนับสนุน PUEASUKKAPAB.COM
เลี้ยงชานมเป็นกำลังใจให้ทีมคอนเทนต์ หรือ สนับสนุนเว็บไซต์ PUEASUKKAPAB.COM เพื่อให้เราผลิตบทความสุขภาพดี ๆ ต่อไปกันน้า
ขอบคุณที่ซัพพอร์ตเป็นกำลังใจให้ทีมเราได้เผยแพร่ความรู้สุขภาพดี ๆ ต่อไปค่ะ 💚




