เช็กลิสต์บ้านปลอดล้ม “การป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ” พร้อมคู่มือเลือก IoT ฉบับประหยัด !

เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡

เช็กลิสต์บ้านปลอดล้ม “การป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ” พร้อมคู่มือเลือก IoT ฉบับประหยัด !

การหกล้มเป็นหนึ่งในสาเหตุการบาดเจ็บที่พบบ่อยที่สุดในผู้สูงอายุ และมักสร้างความกังวลให้กับครอบครัวไม่น้อย แม้บ้านจะดูปลอดภัย แต่เพียงแค่แสงไฟสลัวในเวลากลางคืนหรือพื้นห้องน้ำที่ลื่น ก็อาจกลายเป็นจุดเสี่ยงที่นำไปสู่อุบัติเหตุได้ ด้วยเหตุนี้ การเตรียมบ้านให้ “ปลอดล้ม” จึงเป็นสิ่งที่ทุกครอบครัวควรใส่ใจตั้งแต่วันนี้ และในบทความนี้เพื่อสุขภาพจะพาผู้อ่านทุกคนไปทำความเข้าใจความน่ากังวลใจในเรื่องนี้ พร้อมวิธีปรับบ้านให้ปลอดภัยเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่เรารักกันค่ะ

จากบ้านธรรมดา สู่บ้านปลอดภัย ชวนใช้ IoT เพื่อการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุกัน !

การป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ, บ้านปลอดภัย, บ้านผู้สูงอายุ
Image Credit : canva.com-pro

ในยุคที่เทคโนโลยีสมาร์ตโฮมเข้าถึงง่ายขึ้น เราสามารถใช้อุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ในราคาที่ประหยัดได้มากขึ้น เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความอุ่นใจได้ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ปลั๊กอัจฉริยะ หรือปุ่มฉุกเฉิน สิ่งเหล่านี้สามารถเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้กลายเป็นบ้านปลอดภัยสำหรับผู้สูงวัยได้จริง ตามมาดูรายละเอียดกันค่ะ

ราวทรงตัวสแตนเลส 304 สำหรับผู้สูงอายุ และผู้พิการ

สถิติการหกล้มในผู้สูงอายุ “ปัญหาที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด”

การหกล้มไม่ใช่เรื่องเล็ก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ทุกปีทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากการหกล้มมากถึง 684,000 คน และกว่า 37 ล้านคน ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลจากการหกล้มที่รุนแรงพอสมควร นับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุอันดับ 2 รองจากอุบัติเหตุทางถนน

สำหรับประเทศไทย ปัญหานี้ยิ่งน่ากังวล ซึ่งข้อมูลจากกรมควบคุมโรคและกรมกิจการผู้สูงอายุพบว่า ผู้สูงอายุไทยกว่า 1 ใน 3 มีประสบการณ์หกล้มอย่างน้อยปีละครั้ง และกว่า 69% ของการหกล้มเกิดขึ้นภายในบ้าน ซึ่งมักมาจากปัจจัยที่เรามองข้าม เช่น พื้นลื่น แสงไม่พอ หรือไม่มีราวจับที่เหมาะสม ผลกระทบไม่เพียงทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงหรือกระดูกหัก แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในระยะยาวอีกด้วย ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นชัดว่า การจัดการ “บ้านปลอดล้ม” ไม่ใช่แค่การดูแลพื้นฐาน แต่เป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกครอบครัวต้องให้ความสำคัญค่ะ

แนวคิด “บ้านปลอดล้ม” คืออะไร ?

หลายคนอาจคิดว่าบ้านของตัวเองก็ปลอดภัยอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้สูงอายุที่ร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนเดิม การเดิน การมองเห็น หรือการทรงตัวเล็กๆ น้อยๆ อาจกลายเป็นสาเหตุของการหกล้มได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ก่อนจะติดตั้งอุปกรณ์ IoT หรือเทคโนโลยีใดๆ สิ่งสำคัญคือการสร้างพื้นฐานความปลอดภัยในบ้านให้พร้อมเสียก่อนค่ะ เพราะเมื่อบ้านมีสภาพแวดล้อมที่ดี การใช้ IoT ก็จะช่วยเสริมการดูแลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เกร็ดสุขภาพ :  IoT หรือ Internet of Things คือการเชื่อมต่อ อุปกรณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันเข้ากับอินเทอร์เน็ต เช่น หลอดไฟ ปลั๊กไฟ นาฬิกา หรือปุ่มฉุกเฉิน เพื่อให้เราควบคุมหรือรับการแจ้งเตือนได้ผ่านมือถือแบบเรียลไทม์ พูดง่ายๆ ก็คือ “ของใช้ในบ้านที่ฉลาดขึ้น” สามารถทำงานอัตโนมัติ หรือส่งสัญญาณแจ้งเตือนหาคนดูแลได้ทันที เช่น ไฟเปิดอัตโนมัติเมื่อมีคนเดินผ่าน, ปลั๊กตัดไฟเองถ้าลืมปิดกาต้มน้ำ หรือ ปุ่ม SOS ส่งข้อความหาลูกหลานเมื่อผู้สูงอายุกดขอความช่วยเหลือ

การป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ, บ้านปลอดภัย, บ้านผู้สูงอายุ
Image Credit : canva.com-pro

เช็กลิสต์บ้านปลอดล้มกับ 5 มิติหลัก

นี่คือ เช็กลิสต์ 5 มิติหลัก ที่ทุกครอบครัวควรตรวจสอบและปรับเพื่อให้บ้านกลายเป็น “บ้านปลอดล้ม” ที่ช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจให้กับทั้งผู้สูงอายุและคนดูแล

1. แสงสว่างเพียงพอ

แสงไฟที่ไม่พอ โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้สูงอายุสะดุดหรือเดินผิดจังหวะได้ ควรมีไฟทางเดินที่เปิดอัตโนมัติเมื่อมีการเคลื่อนไหว หรือหลอดไฟกลางคืนตามจุดสำคัญ เช่น ทางเดินไปห้องน้ำ และบันได

2. พื้นไม่ลื่น ไม่มีสิ่งกีดขวาง

พื้นที่เปียกในห้องน้ำหรือครัวถือว่าเป็นจุดเสี่ยงมากที่สุด ดังนั้นการใช้แผ่นกันลื่นหรือพรมยางสามารถช่วยลดอุบัติเหตุได้ รวมถึงการจัดบ้านให้โล่ง หลีกเลี่ยงการวางเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของเกะกะทางเดินก็ช่วยได้เยอะเลยค่ะ

3. มีจุดจับ – พยุงตัว

ราวจับในห้องน้ำ บริเวณบันได หรือแม้แต่เก้าอี้นั่งพักตามมุมทางเดินเล็กๆ ก็สามารถช่วยชีวิตได้จริงๆ เมื่อผู้สูงอายุรู้สึกมึนงงหรือเหนื่อย การมีที่จับหรือที่พักตัวใกล้มือจะลดความเสี่ยงล้มลงได้มากเลยค่ะ

4. ระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินเข้าถึงง่าย

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ถึงแม้จะป้องกันไว้แล้วก็ตาม ดังนั้นการมีปุ่มกดฉุกเฉินติดตามจุดสำคัญ หรืออุปกรณ์พกพาที่กดแล้วส่งสัญญาณหาลูกหลานได้ทันทีอยู่ด้วยจะช่วยสร้างความมั่นใจว่า “ถ้าเกิดเหตุ จะได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว” ได้มากขึ้น

5. เชื่อมโยงกับผู้ดูแล

สิ่งที่ทำให้การดูแลสมบูรณ์ที่สุดคือการสื่อสารกับผู้ดูแล ไม่ว่าจะผ่านสมาร์ตโฟน แอปพลิเคชัน LINE หรือโทรศัพท์ หากระบบสามารถแจ้งเตือนทันทีเมื่อมีเหตุผิดปกติ ผู้สูงอายุและครอบครัวก็จะอุ่นใจได้มากขึ้น

การทำบ้านให้ปลอดล้มไม่จำเป็นต้องลงทุนมากมาย เพียงเริ่มจากการตรวจสอบทั้ง 5 ข้อนี้ ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงอุบัติเหตุได้แล้ว และเมื่อเสริมด้วยเทคโนโลยี IoT ที่เหมาะสม บ้านก็จะกลายเป็น “บ้านสมาร์ตปลอดล้ม” ที่ทั้งปลอดภัยและใช้งานง่ายสำหรับทุกคนในครอบครัวได้มากขึ้นแล้วหล่ะค่ะ

ตารางสรุป บ้านปลอดล้มสำหรับผู้สูงอายุ

✅ สิ่งที่ต้องเช็ก 🔧 วิธีแก้ไขพื้นฐาน 📱 IoT/อุปกรณ์ที่ช่วยได้
แสงสว่างเพียงพอ
  • ติดไฟกลางคืนในทางเดินและห้องน้ำ
  • ใช้หลอดไฟแสงอบอุ่น ไม่แสบตา
  • Motion Sensor + หลอดไฟอัจฉริยะ
  • สมาร์ตสวิตช์ตั้งเวลาเปิด–ปิด
พื้นไม่ลื่น ไม่มีสิ่งกีดขวาง
  • ใช้พรมกันลื่นในห้องน้ำ/ครัว
  • จัดทางเดินให้โล่ง ไม่มีของเกะกะ
  • เซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำรั่ว/พื้นเปียก
  • กล้องวงจรปิดช่วยดูพื้นที่เสี่ยง
มีจุดจับ–พยุงตัว
  • ติดราวจับในห้องน้ำและบันได
  • จัดเก้าอี้นั่งพักตามมุมบ้าน
  • Motion Sensor ใกล้บันได/ห้องน้ำ เพื่อเปิดไฟอัตโนมัติ
ระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินเข้าถึงง่าย
  • ติดปุ่มฉุกเฉินตามห้องต่าง ๆ
  • จัดอุปกรณ์พกพาไว้ใกล้มือ
  • ปุ่ม SOS ไร้สาย (ติดผนัง)
  • นาฬิกา/สร้อยข้อมือฉุกเฉิน
  • อุปกรณ์โทรอัตโนมัติผ่าน Wi-Fi/4G
เชื่อมโยงกับผู้ดูแล
  • ให้เบอร์โทรฉุกเฉินไว้ชัดเจน
  • ใช้สมาร์ตโฟนสื่อสารกับครอบครัว
  • แอปฯ ดูแลผู้สูงอายุ (แจ้งเตือนผ่านไลน์/มือถือ)
  • กล้อง AI ตรวจจับการล้ม ส่งแจ้งเตือนทันที

WiZ Color Ambiance bulb หลอดไฟเปลี่ยนสีอัจฉริยะ (เปลี่ยนสีได้ 16 ล้านสี) เปิดปิดได้อัตโนมัติ

Tips การเลือกที่ “คุ้มค่า” สำหรับบ้านไทย

หลายครอบครัวอาจกังวลว่า การทำบ้านให้สมาร์ตหรือการติดตั้ง IoT ต้องใช้งบประมาณสูง แต่ในความเป็นจริง เราสามารถเลือกอุปกรณ์เพียงไม่กี่ชิ้นที่มีผลต่อความปลอดภัยมากที่สุดก่อน แล้วค่อย ๆ อัปเกรดเพิ่มเติมภายหลังตามงบและความต้องการของครอบครัว วิธีนี้ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังทำให้ผู้สูงอายุและคนในบ้านค่อยๆ ปรับตัวกับเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

1. เริ่มต้นที่ “ลดเสี่ยงล้มทันที”

  • Motion Sensor + ไฟอัตโนมัติ : เป็นตัวเลือกแรกที่คุ้มค่าที่สุด เพราะปัญหาหลักของผู้สูงอายุคือการเดินในที่มืด เช่น เวลากลางคืนเดินไปห้องน้ำ
  • ปุ่มฉุกเฉินหรืออุปกรณ์ SOS แบบพกพา : ราคาย่อมเยา แต่ช่วยให้ผู้สูงอายุเรียกความช่วยเหลือได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด

สองอุปกรณ์นี้ถือเป็น “คู่หลัก” ที่แนะนำให้ทุกบ้านมี เพราะลงทุนน้อยแต่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจได้มากที่สุด

2. เสริมความปลอดภัย “ครัวไทย–บ้านไทย”

  • สมาร์ตปลั๊ก : ใช้กับกาต้มน้ำ หม้อหุงข้าว หรือเตารีด หากลืมปิด ระบบจะตัดไฟอัตโนมัติ ป้องกันไฟไหม้ได้
  • ลำโพงสั่งงานด้วยเสียง : แม้จะไม่จำเป็น แต่สำหรับบ้านที่ผู้สูงอายุใช้งานสมาร์ตโฟนได้อยู่แล้ว การสั่งงานด้วยเสียงอาจช่วยลดการเดินไปกดสวิตช์หรือโทรศัพท์

3. กรณีผู้สูงอายุอยู่บ้านลำพังบ่อยๆ

กล้องวงจรปิด + ระบบ AI ตรวจจับการล้ม : อาจใช้งบเพิ่มเล็กน้อย แต่คุ้มค่าในแง่ความอุ่นใจ เพราะลูกหลานสามารถดูสถานการณ์ผ่านมือถือได้ตลอดเวลา และระบบยังแจ้งเตือนอัตโนมัติหากเกิดการล้ม

เคล็ดลับการเลือกอุปกรณ์แบบคุ้มค่า

“บ้านสมาร์ตเพื่อผู้สูงวัย” ไม่จำเป็นต้องลงทุนแพง แค่เริ่มจาก 2–3 อุปกรณ์หลัก ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้บ้านปลอดภัยขึ้นหลายเท่า จากนั้นค่อยเสริมอุปกรณ์อื่นๆ ตามความเหมาะสมของบ้านและงบประมาณ โดย

  • เริ่มจากจุดเสี่ยงสูงสุด เช่น ห้องน้ำ ทางเดินกลางคืน และครัว
  • เลือกอุปกรณ์ที่ติดตั้งง่าย ใช้งานไม่ซับซ้อน เพราะผู้สูงอายุไม่ชอบของที่ยุ่งยาก
  • ลงทุนทีละขั้น ไม่จำเป็นต้องซื้อครบเซ็ตในครั้งเดียว
  • มองหาอุปกรณ์ที่รองรับการแจ้งเตือนผ่านมือถือ เพราะตอบโจทย์ครอบครัวไทยที่นิยมใช้ LINE หรือแอปฯ แชต
การป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ, บ้านปลอดภัย, บ้านผู้สูงอายุ
Image Credit : canva.com-pro

ตัวอย่างสถานการณ์ การใช้ IoT ในบ้าน

🏡 ประเภทบ้าน ⚠️ ปัญหาที่พบบ่อย 💡 แนวทางแก้ไข 📱 IoT/อุปกรณ์ที่เหมาะ
บ้านชั้นเดียว (ต่างจังหวัด)
  • ห้องน้ำอยู่หลังบ้าน
  • ทางเดินมืดตอนกลางคืน
  • ติดไฟอัตโนมัติที่ทางเดิน
  • เพิ่มปุ่ม SOS ในห้องนอนและห้องน้ำ
  • Motion Sensor + หลอดไฟอัจฉริยะ
  • ปุ่มฉุกเฉินไร้สาย
คอนโด/อพาร์ตเมนต์ (ในเมือง)
  • ผู้สูงอายุอยู่บ้านลำพังบ่อย
  • ลูกหลานกังวลเรื่องการดูแล
  • ติดกล้องที่ห้องนั่งเล่น
  • ให้อุปกรณ์ฉุกเฉินแบบพกพา
  • กล้อง AI ตรวจจับการล้ม
  • นาฬิกา/สร้อยข้อมือ SOS
ทาวน์โฮม (ครอบครัว 3 เจเนอเรชัน)
  • ผู้สูงอายุอยู่ชั้นล่าง
  • ลูกหลานอยู่ชั้นบน ไม่ได้ยินเสียงเรียก
  • ใช้สมาร์ตปลั๊กกับเครื่องใช้ในครัว
  • เพิ่มลำโพงสั่งงานด้วยเสียง
  • สมาร์ตปลั๊กตัดไฟอัตโนมัติ
  • ลำโพงสั่งงานด้วยเสียง

การดูแลสุขภาพใจ และการตระหนักรู้เรื่องการล้มในผู้สูงอายุ

แม้การใช้ IoT หรืออุปกรณ์สมาร์ตโฮมจะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการดูแลด้าน สุขภาพใจ และการสร้างความเข้าใจในผู้สูงอายุเองว่า “การล้มไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย” เพราะนอกจากบาดเจ็บทางกายแล้ว การล้มยังทำให้ผู้สูงวัยหลายคนสูญเสียความมั่นใจ ไม่กล้าเดินหรือทำกิจกรรมตามปกติ ส่งผลต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตโดยรวมอีกด้วย ในเรื่องนี้เพื่อสุขภาพแบ่งเป็น 3 มิติ แบบนี้นะคะ

1. มุมของครอบครัว และผู้ดูแล

  • เทคโนโลยีอย่างปุ่ม SOS หรือกล้องตรวจจับการล้ม ช่วยให้ลูกหลาน อุ่นใจ ว่าถ้ามีเหตุจะรู้ทันที
  • ความมั่นใจนี้ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น ผู้สูงอายุไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระ

2. มุมของผู้สูงอายุเอง เพื่อให้ตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงในเรื่องนี้

  • ผู้สูงอายุควรเข้าใจว่า การหกล้มคือปัญหาใหญ่ ไม่ใช่แค่ “ล้มเล็กๆ เดี๋ยวก็หาย” เพราะอาจนำไปสู่กระดูกหักหรือการนอนติดเตียงได้
  • การตระหนักรู้จะช่วยให้ผู้สูงอายุระมัดระวังมากขึ้น เช่น ไม่เดินในที่มืด ไม่รีบก้าวเร็วเกินไป และเลือกใส่รองเท้าที่เหมาะสม

3. มุมวิธีดูแลตัวผู้สูงอายุเองเพื่อลดการหกล้ม

  • ออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น รำไทเก็ก โยคะผู้สูงอายุเบาๆ หรือเดินช้าๆ เพื่อเสริมสมดุล
  • ตรวจสุขภาพตาและหู เพราะการมองเห็น และการทรงตัวมีผลโดยตรงต่อการล้ม
  • เลือกรองเท้าที่กระชับและกันลื่น หลีกเลี่ยงรองเท้าแตะหรือรองเท้าส้นสูง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารครบถ้วน เพราะภาวะขาดน้ำและขาดสารอาหารอาจทำให้หน้ามืดได้ง่าย
  • ใช้ชีวิตในบ้านอย่างปลอดภัย พยายามเกาะราวจับเวลาขึ้น-ลงบันได หลีกเลี่ยงการหยิบของบนที่สูงโดยลำพัง หรือใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงตัวอย่างไม้เท้าสามขา ก็จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้มากขึ้นค่ะ

การผสมผสานระหว่าง เทคโนโลยี IoT + การดูแลสุขภาพกายใจ + ความตระหนักรู้ของผู้สูงอายุเอง จะช่วยให้บ้านปลอดภัยขึ้นจริง และผู้สูงอายุรู้สึกมั่นใจที่จะใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพได้ค่ะ สำหรับใครที่สนใจทิปส์เรื่องการดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น ลองอ่านบทความที่เราเคยเขียนเพิ่มเติมได้อีกนะคะ

ตารางเปรียบเทียบงบประมาณเพื่อบ้านปลอดภัย

💡 ระดับ 📱 อุปกรณ์หลัก 💵 งบประมาณโดยประมาณ
เริ่มต้น
  • Motion Sensor + ไฟอัตโนมัติ
  • ปุ่ม SOS แบบติดผนัง/พกพา
1,000 – 2,000 บาท
ระดับกลาง
  • เพิ่มสมาร์ตปลั๊กตัดไฟอัตโนมัติ
  • ลำโพงสั่งงานด้วยเสียง
3,000 – 5,000 บาท
ระดับสูง
  • กล้องวงจรปิด + AI ตรวจจับการล้ม
  • อุปกรณ์ครบชุดบ้านปลอดล้ม
8,000 – 10,000+ บาท

เกร็ดสุขภาพ : “กลิ่นในบ้านก็ช่วยลดการหกล้มได้” หลายคนอาจไม่เคยคิดว่า “กลิ่น” มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหกล้มของผู้สูงอายุ แต่มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ว่า ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการรับกลิ่น (เช่น สูญเสียการดมกลิ่นบางส่วน) มักจะมีความเสี่ยงในการเสียการทรงตัวมากขึ้น เพราะระบบการทรงตัวของร่างกายเกี่ยวข้องกับประสาทสัมผัสหลายด้าน รวมถึงการรับกลิ่น และการรับรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัว ดังนั้น การใช้ กลิ่นอโรมาอ่อนๆ หรือกลิ่นสมุนไพรที่สดชื่นในบ้าน ไม่เพียงช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกผ่อนคลาย แต่ยังอาจช่วยให้การรับรู้สิ่งรอบตัวดีขึ้น ส่งผลทางอ้อมต่อการเคลื่อนไหวที่มั่นคงขึ้นด้วย

Xiaomi Smart Camera กล้องวงจรปิดแบบใช้ในบ้าน ฟังก์ชั่น AI ตรวจจับอัจฉริยะ 360 องศส คุณภาพระดับ HD คมชัด

การป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะสถิติทั้งในไทยและทั่วโลกต่างยืนยันว่าการหกล้มเป็นสาเหตุสำคัญของการบาดเจ็บและเสียชีวิตในวัยนี้ ดังนั้นการดูแลบ้านให้ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่ทุกครอบครัวควรให้ความสำคัญ และการใช้เทคโนโลยี IoT เข้ามาช่วย ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มความสะดวกสบาย แต่คือการสร้าง “บ้านสมาร์ตที่อุ่นใจ” ทั้งสำหรับผู้สูงอายุและลูกหลาน

สิ่งสำคัญคือ เราไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงเพื่อเริ่มต้นการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ แค่เริ่มจากจุดเสี่ยงที่สุด เช่น ห้องน้ำ ทางเดินกลางคืน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว แล้วค่อย ๆ เพิ่มอุปกรณ์ตามความจำเป็น บ้านก็สามารถกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยได้แล้ว และที่สำคัญ ผู้สูงอายุเองก็ควรดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ ตระหนักรู้ความเสี่ยง พร้อมปรับพฤติกรรมง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อใช้ชีวิตอย่างมั่นใจและมีคุณภาพ เพราะบ้านที่ปลอดภัย ไม่ได้หมายถึงเพียงการลดการล้ม แต่คือการสร้าง คุณภาพชีวิตและความสุขใจให้กับผู้สูงวัยและครอบครัวนั่นเองค่ะ

ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ

ติดต่อโฆษณา
X

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้การวิเคราะห์

    เราขออนุญาติใช้คุกกี้นี้เก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ เพื่อประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดีขึ้นให้กับคุณ

Save