“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
รู้จักอาการลิ้นแตก ร้อนใน พร้อมวิธีรักษา และดูแลตนเอง
แผลหรือความผิดปกติเฉพาะที่ภายในปากอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แผลในปากอาจเกิดขึ้นที่ลิ้น เหงือก ริมฝีปาก หรือภายในแก้ม อาจเป็นแผลพุพองหรือรอยแดงหรือขาวในปาก หรืออาการลิ้นแตก ซึ่งลิ้นแตกเกิดจากอะไรได้บ้างนั้น นอกจากการขาดวิตามิน ยังเชื่อมโยงกับสุขอนามัยในช่องปากที่ไม่ดี การใช้ยา และกรดไหลย้อนของหลอดอาหาร รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่พบได้บ่อยคือ ลิ้นแตก ร้อนใน ซึ่งอาจส่งผลต่อความเจ็บปวด ปวดแสบปวดร้อน และสูญเสียรสชาติได้ ในบทความนี้เราจะมาอธิบายถึงอาการลิ้นแตกจากการเป็นร้อนใน พร้อมวิธีดูแลและรักษากันค่ะ
ลิ้นแตก ร้อนใน อาการเป็นอย่างไร รักษายังไงได้บ้าง
แผลในปาก หรือที่เรียกกันว่าแผลร้อนใน มักเป็นแผลเล็กๆ ที่เจ็บปวด ซึ่งเกิดขึ้นที่ปาก ที่โคนเหงือก รวมถึงที่ลิ้น และทำให้การกิน การดื่ม และการพูด ไม่สะดวกและไม่สบายได้ โดยผู้หญิงอยู่ในช่วงใกล้หรือกำลังจะถึงรอบประจำเดือน วัยรุ่น และผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นแผลในปาก มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมากกว่าคนกลุ่มอื่น แผลในปากไม่ติดต่อและอาการเจ็บที่ลิ้นมักจะหายไปภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์ และสามารถบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่ออกแบบมาสำหรับแผลในปากเพื่อบรรเทาอาการเจ็บและลดการระคายเคืองได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นแผลเปื่อยที่มีขนาดใหญ่หรือเจ็บปวด หรือมีลิ้นแตก ร้อนในที่เป็นนานโดยไม่หายขาด ก็ควรขอคำแนะนำจากแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียด
- อาการร้อนในเป็นอย่างไร ?
อาการร้อนในที่พบคือ จะเกิดรอยแผลหรือการปริแตกของเยื่อเมือกในช่องปาก ที่เกิดได้เกือบทุกจุดในช่องปาก แต่ที่พบบ่อยคือ บริเวณกระพุ้งแกม ริมฝีปากด้านใน รวมถึงลิ้นแตก ร้อนในที่พบได้บ่อย ทำให้รู้สึกแสบหรือเจ็บบริเวณนั้น จนกินอาหารลำบาก และบางครั้งจะอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เป็นไข้ หรือต่อมน้ำเหลืองบวม ซึ่งหากมีไข้ร่วมด้วย แนะนำว่าเป็นไข้ห้ามกินผลไม้อะไรบ้าง เพื่อไม่ให้อาการแย่ลงนะคะ
ลิ้นแตกเกิดจากอะไร อาการลิ้นแตก ร้อนในนั้นจะมีลักษณะเป็นร่องตั้งแต่หนึ่งร่องขึ้นไปตามพื้นผิวของลิ้น หากรอยแยกลึกมาก ลิ้นอาจดูเหมือนแยกกันชัดเจน และบางครั้งอาจรู้สึกแสบร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกินอาหารหรือเครื่องดื่มที่เป็นกรด หรือมีความร้อน
เกร็ดสุขภาพ : ตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดแผลร้อนในต่างๆ ได้แก่ ความเครียดทางอารมณ์ พักผ่อนน้อย การบาดเจ็บเล็กน้อยที่ภายในปาก เช่น จากบาดแผล รอยไหม้ หรือรอยกัดขณะกินอาหาร การแปรงฟันแรงๆ หรือฟันปลอมที่ไม่พอดี ก็สามารถทำให้เกิดแผลในปากได้ ทั้งนี้ยังรวมถึงพันธุกรรม เชื้อไวรัสและแบคทีเรีย การแพ้อาหาร หรือการขาดสารอาหาร และฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงด้วยค่ะ
- วิธีการรักษา
หากมีอาการลิ้นแตก ร้อนใน รวมถึงแผลในปากจากร้อนในอื่นๆ โดยทั่วไปจะสามารถหายได้เองในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ และการรักษาของแพทย์จะขึ้นอยู่กับสาเหตุของแผล แต่เราสามารถดูแลรักษาเบื้องต้นได้ ดังนี้
- ดูแลสุขภาพของช่องปากอยู่เสมอ เช่น ไม่แปรงฟันแรงจนเกินไป และไม่ใช้แปรงที่มีขนแข็ง
- หากลิ้นแตก ร้อนใน การกำจัดเศษอาหารที่อาจติดอยู่ในร่องลิ้นเป็นสิ่งสำคัญ การทำเช่นนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อและปัญหาด้านสุขอนามัยในช่องปากได้ด้วย
- ใช้ย้ำยาบ้วนปากอ่อนๆ บ้วนปากเสมอ
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด อาหารที่มีกรด และอาหารที่มีความร้อน เพราะอาจทำให้ลิ้นระคายเคืองมากขึ้น แนะนำให้กินอาหารที่เป็นด่างหรือมีความเย็น เช่น ข้าวแช่ คืออาหารที่นิยมกินเพื่อดับร้อนด้วย
- สามารถกินยาแก้ปวดได้เพื่อช่วยบรรเทาอาการไม่สบาย
ลิ้นแตก ร้อนในป้องกันอย่างไร
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายเคืองปากอาจช่วยได้ ซึ่งรวมถึงผลไม้ที่เป็นกรด เช่น สับปะรด เกรปฟรุต ส้ม หรือมะนาว รวมทั้งมันฝรั่งทอด หรืออาหารเผ็ด
- เลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี และผลไม้และผักที่เป็นด่างหรือไม่มีกรด กินอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล เช่น อาหารหน้าร้อน รวมถึงกินวิตามินรวมทุกวัน เพื่อเพิ่มวิตามินที่จำเป็นให้แก่ร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการพูดคุยขณะเคี้ยวอาหารเพื่อลดการถูกกัดลิ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
- รักษาสุขอนามัยในช่องปากที่ดี โดยใช้ไหมขัดฟันทุกวันและการแปรงฟันหลังอาหารอาจช่วยได้เช่นกัน
- ลดความเครียด และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งไม่เพียงแต่จะป้องกันแผลในปาก แต่ยังรวมถึงโรคอื่นๆ ได้อีกด้วย
เกร็ดสุขภาพ : แผลในปาก รวมถึงแผลที่ลิ้นส่วนใหญ่หายได้เอง แต่ถ้าไม่หายภายในสามสัปดาห์ และมีอาการไม่สบายร่วมด้วย มีแผลพุพองหรือลิ้นแตกกลับมาเรื่อยๆ ควรไปพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสอบว่าปัญหาแผลในปากเกิดจากร้อนในหรือโรคอื่นๆ เช่น มะเร็งช่องปาก หรือนำไปสู่การติดเชื้อหรือปัญหาสุขภาพช่องปากอื่นๆ ค่ะ
แผลร้อนในรวมถึงลิ้นแตก ร้อนในนั้น ถึงแม้ว่าจะหายได้เองเป็นส่วนมาก แต่อาการที่เกิดขึ้นสามารถสร้างความรำคาญ และความลำบากในการใช้ชีวิตได้ ดังนั้น เมื่อเรารู้แล้วว่าลิ้นแตกเกิดจากอะไร เราจึงควรรักษาสุขอนามัยของช่องปาก และเลือกกินอาหารให้เหมาะสม เพื่อลดโอกาสเกิดโรคนี้ให้มากที่สุดค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : dentalhealth.org, healthline.com, medicalnewstoday.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ