“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
เชื้อ rsv คืออะไร? ภัยร้ายของลูกๆ ที่พ่อแม่ควรรู้
ในช่วงเวลาที่อากาศเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง จากหน้าร้อนสู่หน้าฝน แน่นอนว่า ร่างกายของเรานั้นจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศเพื่อไม่ให้ร่างกายของตนเองได้รับอาการเจ็บป่วย แต่ว่าในร่างกายของเด็กอาจจะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่แปรปรวนได้ทัน และอาจเกิดการติดเชื้อ ซึ่งหนึ่งในเชื้อที่เป็นอันตรายต่อเด็กนั่นคือ เชื้อไวรัส rsv จึงทำให้หลายท่านอาจสงสัยว่า เชื้อไวรัส rsv คืออะไร ดังนั้นวันนี้เราจึงขออาสาพาทุกท่านไปทำความรู้จักว่า เชื้อ rsv คืออะไร มีอาการอย่างไร เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง และควรป้องกันลูกๆ อย่างไรให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัส rsv
เชื้อ rsv คืออะไร?
เชื้อ rsv หรือ Respiratory Syncytial Virus คือ เชื้อไวรัสที่เป็นต้นเหตุของการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจได้ อีกทั้งยังสามารถติดเชื้อได้ทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งการทำงานของเชื้อ rsv คือ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้ปอดเกิดการอักเสบ ทำให้ร่างกายผลิตสารคัดหลั่งออกมามากเกินไป เช่น เสมหะ จนทำให้หายใจลำบาก มีอาการหอบและเหนื่อย การติดเชื้อ rsv สามารถพบเห็นได้บ่อยในช่วงฤดูฝน หรือช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว
เกร็ดสุขภาพ : เมื่อทราบว่าเชื้อไวรัส rsv คืออะไรแล้ว หลายๆ ท่านก็อาจจะเป็นห่วงลูกหลานไม่น้อย เพราะนอกจากโรคภัยทางกายแล้ว อีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันคือโรคภัยทางจิตใจ เช่น โรค adhd ซึ่งโรคนี้อาจส่งผลให้เด็กไม่สามารถเข้ากับเด็กในวัยเดียวกันได้ มีอาการวอกแวกไม่มีสมาธิ ไม่สนใจในการเรียนหรือการทำกิจกรรม และอาจส่งผลทำให้มีพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ
สาเหตุของการติดเชื้อ rsv คืออะไร?
การติดเชื้อ rsv นั้น มีสาเหตุหลักๆ คือ การรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ เช่น สัมผัสกับน้ำลายหรือน้ำมูกของผู้ติดเชื้อ ซึ่งเชื้อไวรัส rsv สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เข้าผ่านทางตา จมูก ปาก หรือการจับมือ และในกรณีของเด็กเล็ก อาจได้รับเชื้อที่ตกค้างอยู่ในวัตถุต่างๆ เช่น ของเล่น โดยที่เชื้อ rsv มีระยะฟักตัวประมาณ 2 – 6 วัน จึงจะเริ่มแสดงอาการออกมา
อาการของการติดเชื้อ rsv คืออะไร?
ในเบื้องต้น ผู้ที่ติดเชื้อไวรัส rsv จะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา คือ มีไข้ มีอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก และมีอาการปวดศีรษะ แต่ในเด็กเล็ก อาการของการติดเชื้อ rsv จะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น นั่นคือ
- มีอาการหายใจลำบาก และหอบเหนื่อย เนื่องจากเชื้อไวรัส rsv จะทำให้หลอดลมฝอยของเด็กเกิดการอักเสบได้
- เมื่อหายใจแล้วจะมีเสียงหวีดออกมาด้วย เนื่องจากเยื่อบุทางเดินหายใจอักเสบและหลอดลมเกิดการหดตัว
- มีอาการหายใจเร็ว หายใจแรง และอกของเด็กเกิดการยุบตัว
- มีเสมหะจำนวนมาก ไอบ่อย
- มีอาการซึม และรับประทานอาหารได้น้อยลง
- ในกรณีที่อาการหนัก อาจมีอาการตัวเขียว ปลายนิ้วและเล็บมีการเปลี่ยนสีเป็นสีเขียว เนื่องจากร่างกายขาดออกซิเจน
วิธีการรักษาอาการติดเชื้อ rsv คืออะไร?
ในปัจจุบัน การติดเชื้อ rsv ยังไม่มียา หรือวัคซีนที่เฉพาะเจาะจง จึงยังไม่มีการรักษาที่แน่ชัด ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการรักษาตามอาการ รับประทานยาลดไข้ทุก 4-6 ชั่วโมง ทำการเช็ดตัวเพื่อลดไข้ และพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ในกรณีที่อาการหนัก คือ ภายใน 4 – 5 วัน แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
เกร็ดสุขภาพ : หลายๆ ท่านคงคุ้นชินกับการใช้งานปรอทวัดไข้เป็นอย่างดี เพราะว่าปรอทวัดไข้ ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย ใช้ได้ง่าย และหลายๆ ท่านก็ทราบว่าต้องวัดไข้ด้วยปรอทกี่นาที หรือทราบว่าสามารถใช้ปรอทวัดไข้กับส่วนไหนบ้าง แต่มีใครทราบไหมว่า ทำไมต้องใช้ปรอทมาเป็นตัววัดไข้ด้วย นั่นเป็นเพราะว่า ปรอทเป็นสารที่มีการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้อย่างดี มีจุดเยือกแข็งต่ำมาก และสีเงินของปรอทสามารถมองเห็นได้ง่าย จึงเหมาะกับการวัดระดับของอุณหภูมิของร่างกายเป็นอย่างมาก
วิธีป้องกันการติดเชื้อ
- ล้างมือให้สะอาดก่อนทำการสัมผัสกับตัวเด็ก เพราะเราไม่รู้ว่ามือของเรามีเชื้อโรคอะไรบ้าง และอาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อสู่ลูกแบบที่เราไม่รู้ตัว
- หมั่นทำความสะอาดของใช้ หรือของเล่นของลูกให้สะอาดอยู่เป็นประจำ เพราะอาจมีเชื้อ rsv ตกค้างอยู่ก็เป็นได้
- ถ้าไม่มั่นใจว่าตนเองมีเชื้อโรคปะปนอยู่บนร่างกายหรือไม่ ให้หลีกเลี่ยงการจูบหรือการอุ้มเด็ก
- แยกของใช้ส่วนตัวของเด็ก เช่น แก้วน้ำ ช้อน ส้อม
- หลีกเลี่ยงการนำลูกไปในบริเวณที่คนพลุกพล่าน หรือพื้นที่แออัด
- ควรทำความสะอาดร่างกายของลูก เมื่อกลับมาจากโรงเรียน เช่น ล้างมือด้วยสบู่ อาบน้ำ หรือทำความสะอาดด้วยวิธีล้างจมูก
- สวมใส่หน้ากากอนามัย
สำหรับเด็กแล้ว การมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้นเราควรดูแลลูกๆ ของเราให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคต่างๆ ในวันนี้ หลายท่านได้ทราบแล้วว่า เชื้อ rsv คืออะไร มีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง มีอาการอย่างไร และทราบว่าควรทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ rsv แล้ว หวังว่าทุกท่านจะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้สำหรับดูแลบุตรหลานของทุกๆ ท่านด้วยนะครับ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : bangkokhospital.com , rama.mahidol.ac.th , trueplookpanya
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ