“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
Ice Bathing คือ อะไร ? ได้ประโยชน์ยังไงบ้าง ? ทำแค่ไหนถึงไม่อันตราย !
เคยได้ยินวิธีผ่อนคลายกล้ามเนื้อ วิธีบำบัดความเครียด ความเหนื่อยล้า ด้วยวิธีการแช่น้ำเย็นจัด หรือ Ice Bathing กันมั้ยคะ ? นี่เป็นวิธีการฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังจากได้รับบาดเจ็บ หรือใช้งานนานที่นักกีฬามักจะใช้กันบ่อยๆ ค่ะ ซึ่งในบทความนี้ เพื่อสุขภาพจะพาไปเข้าใจ ไปรู้จักศาสตร์ที่ใช้ความเย็นบำบัด ไปดูกันว่า Ice Bathing คือ อะไร ทำไมใครๆ ก็พากันพูดถึง ตามมาอ่านกันค่ะ
Ice Bathing คือ อะไร ? ช่วยลดความเจ็บปวดได้จริงหรือ ?!
การแช่น้ำเย็นจัด (Ice bathing) เป็นรูปแบบหนึ่งของการบำบัดด้วยความเย็น โดยการจุ่มตัวลงในน้ำเย็นหรือน้ำแข็งเป็นเวลาสั้นๆ ซึ่งมักจะอยู่ระหว่าง 10-20 นาที ซึ่งผลที่ได้คือจะช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เนื่องจากอุณหภูมิเย็นจะช่วยลดการอักเสบได้ นอกจากนั้นยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้น ช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวลต่างๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาะพระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยให้นอนหลับสนิทได้มากขึ้นอีกด้วย ใครที่ลองทำท่ายืดหลัง ยืดตัวกันแล้วยังไม่ค่อยดีขึ้น ลองมาดูวิธีบำบัดนี้กันค่ะ
เรื่องเล่าต้นกำเนิดของ Ice Bathing มาจากไหนบ้าง ?
การอาบน้ำเย็นจัด หรือ Ice Bathing คือวิธีการบำบัดทางเลือกที่มีต้นกำเนิดมาจากหลายแหล่งทั้งตะวันตกและตะวันออก ดังข้อมูลต่อไปนี้ค่ะ
- วัฒนธรรมกรีกโบราณ : ชาวกรีกโบราณนิยมการอาบน้ำเย็นหลังออกกำลังกาย เชื่อว่าจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเสริมสุขภาพ
- แพทย์แผนจีนโบราณ : การนวดน้ำแข็งบนจุดสำคัญตามร่างกาย เป็นวิธีการรักษาของแพทย์แผนจีนโบราณที่นิยมมานานแล้ว
- ไวกิ้ง : ชนเผ่าไวกิ้งในอดีต เชื่อว่าการจุ่มตัวในน้ำแข็งเป็นวิธีทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกาย และผ่อนคลายจิตใจ
- นักรบซามูไร : ซามูไรญี่ปุ่นเชื่อว่าการอาบน้ำเย็นเป็นวิธีฝึกร่างกายให้แข็งแรง และเตรียมพร้อมสำหรับการรบ
จะเห็นได้ว่า Ice Bathing มีรากฐานมาจากความเชื่อ วัฒนธรรม และสุขนิสัยของหลายเชื้อชาติทั่วโลก ก่อนจะได้รับการยอมรับและกลายเป็นกระแสนิยมในเวลาต่อมาค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : การอาบน้ำเย็นจัดเป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์อย่างหนึ่ง มีชื่อเรียกว่า “Cryotherapy” มาจากรากศัพท์กรีกว่า “Cryo” แปลว่า ความเย็น ใช้รักษาอาการบาดเจ็บจากการกีฬา และบรรเทาอาการปวดจากโรคข้อและกล้ามเนื้อต่างๆ
ประโยชน์ของ Ice Bathing คืออะไร ?
ถึงแม้ว่า Ice Bathing จะมีประโยชน์หลายด้าน แต่ก็ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนนะคะ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนลงมือทำเพื่อความปลอดภัยนั่นเองค่ะ ซึ่งการอาบน้ำเย็นจัด หรือ Ice Bathing นั้นมีประโยชน์อะไรบ้างตามมาดูกันต่อเลยค่ะ
- ลดอาการปวดและบวม : อุณหภูมิเย็นจัดช่วยทำให้เส้นเลือดและกล้ามเนื้อหดตัวลง ลดการไหลเวียนของเลือด ทำให้ลดอาการปวดบวม อาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและข้อต่อได้
- เพิ่มการไหลเวียนโลหิต : เมื่อร่างกายได้รับความเย็นจัด จะทำให้หลอดเลือดหดตัวชั่วคราว แต่เมื่อออกจากน้ำเย็น หลอดเลือดจะขยายตัว ทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้นนั่นเอง
- เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน : ความเย็นจัดจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวมากขึ้น ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันสำคัญในการต่อสู้กับเชื้อโรค
- ลดอาการเครียด : อุณหภูมิเย็นทำให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความเครียดได้
- ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น : ความเย็นช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในกระแสเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการนอนไม่หลับ
- เร่งการเผาผลาญและลดไขมันส่วนเกิน : ความเย็นจะกระตุ้นให้ร่างกายต้องทำงานเพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่ จึงทำให้เผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น
Ice Bathing ทำอย่างไร ?
Ice Bathing หรือการอาบน้ำเย็นจัด เป็นวิธีบำบัดทางเลือกที่นิยมใช้กันมากขึ้นในปัจจุบัน มีขั้นตอนการทำดังนี้
- เตรียมอ่างน้ำหรือภาชนะที่สามารถลงนั่งหรือนอนได้ ควรมีขนาดใหญ่พอที่จะจุน้ำแข็งและน้ำ
- นำน้ำแข็งใส่ลงในอ่างหรือภาชนะ ประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาตรทั้งหมด จากนั้นเติมน้ำเย็น ให้ได้อุณหภูมิประมาณ 10-15 องศาเซลเซียสจนเกือบเต็ม
- เมื่ออุณหภูมิของน้ำลดต่ำลงถึงประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส ให้ลงไปนั่งหรือนอนในน้ำจนระดับน้ำมาถึงหน้าอกหรือไหล่
- ทนอยู่ในน้ำเย็นจัดประมาณ 10-20 นาที ขึ้นอยู่กับความสามารถในการทนต่ออุณหภูมิเย็นจัดของแต่ละคน แนะนำว่าหากทำครั้งแรกไม่ควรเกิน 15 นาที
- เมื่อครบเวลา ค่อยๆ ลุกออกจากอ่าง แล้วนำผ้าคลุมตัวเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกาย จากนั้นดื่มน้ำอุ่นเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และพักผ่อนให้ร่างกายคลายความเครียด
ข้อควรระวัง และคำแนะนำในการทำ Ice Bathing มีอะไรบ้าง ?
การทำ Ice Bathing คือวิธีบำบัดที่เป็นประโยชน์แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังสูงเช่นกัน หากปฏิบัติตามข้อควรระวังอย่างเคร่งครัด จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการอาบน้ำเย็นจัดได้ เรามาดูข้อควรระวังกันต่อนะคะ
- อุณหภูมิของน้ำ : อุณหภูมิของน้ำไม่ควรต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส เนื่องจากอาจเสี่ยงต่ออาการไหลเวียนเลือดไม่สม่ำเสมอ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้
- ระยะเวลาในการอาบ : ไม่ควรอยู่ในน้ำเย็นจัดนานเกินกว่า 15 นาที เพราะอาจทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลเสียตามมาดังต่อไปนี้
- อุณหภูมิร่างกายลดลงมาก : เนื่องจากร่างกายต้องสูญเสียความร้อนออกไปเพื่อปรับสมดุลกับอุณหภูมิน้ำเย็นจัด หากเกินกว่าร่างกายจะรักษาอุณหภูมิไว้ได้ อุณหภูมิร่างกายจะลดลง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการสั่นเพราะหนาว ชีพจรช้าลง หายใจติดขัดได้
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง : เนื่องจากความเย็นส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและประสาท ทำให้เกิดอาการชา กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง หากร้ายแรงอาจหมดสติได้
- การไหลเวียนเลือดลดลง : เนื่องจากหลอดเลือดบริเวณผิวหนังจะหดตัว เพื่อลดการสูญเสียความร้อนไปยังผิวหนัง ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนอื่นๆ ของร่างกายน้อยลง
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง : เนื่องจากการที่อุณหภูมิร่างกายต่ำมากไปนั้น จะกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันทำให้อ่อนแอ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้
- สภาวะทางร่างกาย : ผู้ที่มีภาวะบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด เบาหวาน ควรระมัดระวังและปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากความเย็นอาจกระตุ้นให้เกิดอาการรุนแรงได้
- การป้องกันอุบัติเหตุ : ควรมีคนคอยดูแลระหว่างอาบเพื่อป้องกันการหมดสติ หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ อย่าอาบน้ำเย็นจัดคนเดียว
- การอบอุ่นหลังอาบ : หลังอาบน้ำเย็นจัด ร่างกายจะรู้สึกหนาวสั่น จึงควรมีผ้าห่มหรืออยู่ในที่ที่มีเครื่องทำความร้อน รวมถึงดื่มน้ำอุ่นเพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่นเร็วขึ้น
- ความถี่ในการอาบ : ไม่ควรอาบน้ำเย็นจัดบ่อยเกินไป แนะนำว่าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น เพื่อป้องกันผลกระทบจากความเย็นที่มากเกินไป
เกร็ดสุขภาพ : กองทัพสหรัฐนิยมใช้ Ice Bathing เพื่อฝึกนักรบให้ทนทานต่อสภาวะอากาศหนาวจัด และเพิ่มความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ ส่วนในประเทศฟินแลนด์ มีการจัดเทศกาลดำดิ่งลงไปในแม่น้ำน้ำแข็งเป็นประจำทุกปี โดยเชื่อว่าจะช่วยเสริมสุขภาพและนำโชคมาสู่ตน
ใครบ้างที่ไม่ควรทำ Ice Bathing ?
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงปกติ และอายุไม่มากหรือน้อยเกินไป จึงจะเหมาะกับการอาบน้ำเย็นจัด แต่เพื่อความปลอดภัยก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการบำบัด สำหรับผู้ที่ไม่ควรทำ Ice Bathing คือใครบ้างนั้น มาอ่านกันต่อค่ะ
- ผู้ที่มีปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น เนื่องจากอุณหภูมิเย็นจัดอาจทำให้หลอดเลือดหดตัวมาก ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองได้ไม่เพียงพอ
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความเย็นอาจรบกวนการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้
- ผู้ที่มีปัญหาระบบประสาท เช่น อัมพาต หรือผู้ป่วยพาร์กินสัน เนื่องจากอุณหภูมิเย็นอาจทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกและชักเกร็งได้
- ผู้สูงอายุ เนื่องจากมีความสามารถในการปรับตัวต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงได้ไม่ดีเท่ากับผู้ใหญ่
- เด็กเล็ก เนื่องจากร่างกายยังไม่สามารถรักษาอุณหภูมิได้ดีเท่าผู้ใหญ่
- สตรีมีครรภ์ เนื่องจากอุณหภูมิเย็นจัดอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้
- ผู้ที่มีโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคลมพิษ ผื่นคัน เป็นต้น ความเย็นอาจทำให้อาการแย่ลงได้
- การอาบน้ำเย็นจัดนั้นเป็นประโยชน์ในการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และความตึงเครียดก็จริง แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ และกลุ่มเฉพาะอื่นๆ ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการบำบัด และไม่ควรทำติดต่อกันเป็นเวลานาน เนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ค่ะ
Featured Image Credit : freepik.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ