“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
จริงหรือหลอก? คอกระแทกแรงทำให้หมอนรองกระดูกคอปลิ้นได้ หมอกระดูกมีคำตอบ !
ในยุคที่ข้อมูลสุขภาพถูกรับส่งผ่านโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจเคยได้ยินคำเตือนว่า “คอกระแทกแรงๆ หรือสะบัดคอบ่อยๆ อาจเสี่ยงทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น” เดาว่าคำกล่าวนี้ได้สร้างความกังวลให้กับผู้ที่มีอาการปวดคอ รวมถึงคนทำงานออฟฟิศที่มักเคลื่อนไหวคออย่างไม่ระมัดระวังมากเลยทีเดียว ซึ่งในบทความนี้ เพื่อสุขภาพจะพาไปหาคำตอบเรื่องนี้กันจากคำแนะนำของแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อค่ะ
แพทย์ไขชัด ! คอกระแทกแรง เสี่ยงหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นได้จริงหรือไม่?

แค่คอสะบัดแรงครั้งเดียว อาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดก็ได้ หลายคนมองข้าม “คอกระแทกแรง” เพราะคิดว่าเป็นแค่อาการเมื่อยธรรมดา แต่เบื้องหลังอาจคือ “หมอนรองกระดูกคอปลิ้น” ที่ร้ายแรงกว่าที่คิด บางเคสถึงขั้นปวดร้าว ชา แขนอ่อนแรง จนใช้ชีวิตประจำวันแทบไม่ได้ ใครกำลังมีความกังวลเรื่องนี้อยู่ มาไขความจริงกับแพทย์เฉพาะทางกันดีกว่าค่ะว่า “คอกระแทกแรง” จะทำให้หมอนรองกระดูกคอปลิ้นได้จริงหรือไม่ และคุณควรระวังแค่ไหน ก่อนที่อาการจะสายเกินแก้
หมอนรองกระดูกคอปลิ้น คืออะไร?
หมอนรองกระดูกสันหลัง (Intervertebral Disc) คือแผ่นเจลเนื้ออ่อนที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อ ทำหน้าที่คล้ายเบาะกันกระแทก ช่วยให้กระดูกเคลื่อนไหวได้อย่างยืดหยุ่น เมื่อแผ่นเจลนี้ เสื่อม แตก หรือเคลื่อน ออกจากตำแหน่งเดิม แล้วไปกดเบียดเส้นประสาท ก็จะเกิดภาวะที่เรียกว่า“หมอนรองกระดูกปลิ้น” (Disc Herniation) ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดร้าว ชา หรือแม้แต่อ่อนแรงบริเวณแขน ขา หรือหลังได้
แล้วการ “คอกระแทกแรง” ทำให้หมอนรองกระดูกปลิ้นได้ไหม ?

นพ.สุทธวีร์ ปังคานนท์ แพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาล S Spine & Joint Hospital โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังได้อธิบายว่า “การหันคอแรงหรือสะบัดคอ อาจ ไม่ใช่สาเหตุโดยตรง ของหมอนรองกระดูกปลิ้น แต่ในบางคน แรงกระแทกเพียงครั้งเดียวก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาได้ หากหมอนรองกระดูกเริ่มเสื่อมอยู่แล้ว หรือมีปัจจัยเสี่ยงร่วมอื่นๆ ” กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ
- คนทั่วไปที่มีสุขภาพกระดูกดี อาจ ไม่เกิดภาวะปลิ้นทันที จากการสะบัดคอ
- แต่คนที่มีภาวะเสื่อม หรือมีพฤติกรรมใช้งานคอผิดๆ ซ้ำๆ มาเป็นเวลานาน อาจเกิดอาการทันทีจากแรงกระแทกเพียงครั้งเดียว
เกร็ดสุขภาพ : การนอนหงายโดยใช้หมอนที่สูงเกินไป หรือการนอนคว่ำบ่อยๆ อาจทำให้กระดูกคออยู่ในท่าที่ผิดธรรมชาติ
เมื่อสะสมไปนานๆ จะเพิ่มแรงกดทับบริเวณหมอนรองกระดูกคอ และเร่งการเสื่อมของหมอนรองกระดูกโดยไม่รู้ตัว
การเลือกหมอนที่รองรับช่วงคอได้พอดี และหลีกเลี่ยงการนอนในท่าที่คอเอียงหรือตึงเกินไปจึงสำคัญมาก
ตัวอย่างจริง อุบัติเหตุที่หลายคนอาจมองข้าม
แพทย์ได้ยกเคสของผู้ป่วยอายุน้อยรายหนึ่งที่มีอาการหมอนรองกระดูกคอปลิ้นหลังจากล้มขณะเล่นสกี แม้จะไม่มีอาการรุนแรงทันที แต่หลังจากนั้นผู้ป่วยมีอาการปวดคอเรื้อรัง พยายามรักษาด้วยยาและกายภาพอยู่หลายเดือน โดยเข้าใจว่าเป็นเพียงกล้ามเนื้ออักเสบ หรือออฟฟิศซินโดรม จนกระทั่งอาการเริ่ม “ร้าวลงแขนและปลายนิ้ว” จึงตัดสินใจตรวจ MRI แล้วพบว่า หมอนรองกระดูกบริเวณคอปลิ้นจริง และตำแหน่งตรงกับจุดกระแทกจากอุบัติเหตุ
สัญญาณเตือนของหมอนรองกระดูกคอปลิ้น มีอะไรบ้าง ?
อาการนี้ไม่ได้เกิดกับแค่คนวัยทำงาน หรือวัยกลางคนเท่านั้น ยังเกิดกับคนอายุน้อยได้ ใครมีอาการปวดๆ อยู่ หากว่ามีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์นะคะ
- ปวดคอ บ่า ไหล่เรื้อรัง นานกว่า 2 สัปดาห์
- อาการไม่ดีขึ้น แม้รับการรักษาหรือทำกายภาพแล้ว
- รู้สึกปวดร้าวจากคอลงแขนหรือนิ้วมือ
- มีอาการ ชา หรืออ่อนแรง บริเวณแขน มือ หรือปลายนิ้ว
- เดินไม่ถนัดหรือมีการทรงตัวผิดปกติ (ในกรณีรุนแรงที่กระทบไขสันหลังโดยตรง)
เพราะหากปล่อยไว้ เส้นประสาทอาจได้รับความเสียหายถาวร และการฟื้นตัวอาจทำได้ยากหรือไม่เต็มที่
เกร็ดสุขภาพ : เมื่อร่างกายเกิดความเครียด กล้ามเนื้อโดยเฉพาะช่วงคอ และบ่าจะหดเกร็งโดยอัตโนมัติ ซึ่งหากปล่อยให้ความเครียดสะสมโดยไม่มีการผ่อนคลาย กล้ามเนื้อจะตึงตลอดเวลาและอาจดึงแนวกระดูกคอให้ผิดรูป ซึ่งในระยะยาวสิ่งนี้อาจนำไปสู่การเสื่อมของหมอนรองกระดูกเร็วกว่าปกติ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการปลิ้นของหมอนรองกระดูกคอได้

ตำแหน่งที่มักเกิดหมอนรองกระดูกปลิ้นบ่อย
C4–C5 และ C5–C6 คือบริเวณข้อต่อของกระดูกคอที่เคลื่อนไหวมากที่สุดในการก้ม-เงย เป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเสื่อม และเกิดหมอนรองกระดูกปลิ้นได้บ่อยที่สุดค่ะ
ป้องกันอย่างไร ไม่ให้หมอนรองกระดูกปลิ้น ?
1. ปรับพฤติกรรมระหว่างวัน
- ไม่ก้มคอเล่นมือถือเป็นเวลานาน
- ปรับระดับจอคอมให้พอดีกับสายตา
2. ออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอ
- ช่วยชะลอการเสื่อมของกระดูกและหมอนรองกระดูก
3. หลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้คอกระแทก
- กิจกรรมที่ควรเลี่ยงก็ตัวอย่างเช่น กีฬาเอ็กซ์ตรีมหรือกิจกรรมที่มีความเร็ว และแรงกระแทกสูง
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ