“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ผู้สูงอายุ มีกี่ประเภท ? ชวนเข้าใจผู้สูงอายุ เพื่อที่จะได้ดูแลให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม !
ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มสังคมผู้สูงวัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โดยประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น 10% ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าจำนวนประชากรสูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็น 28% ของประชากรทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์ทำให้เกิดความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับทางภาครัฐที่จะมีมาตรการรองรับสังคมผู้สูงอายุอย่างไรให้กลายเป็นสังคมผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ และในฐานะผู้ที่ต้องอยู่ร่วมกับผู้สูงอายุเองอย่างลูกหลานหรือคนในครอบครัว ก็ต้องมีการปรับตัวให้สามารถดูแลผู้สูงอายุได้และเข้าใจผู้สูงอายุให้มากขึ้น เริ่มต้นจากการเข้าใจธรรมชาติของผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุ มีกี่ประเภท แบ่งได้อย่างไร มีแนวทางดูแลผู้สูงอายุอย่างไร มาดูกันเลยค่ะ
ผู้สูงอายุ มีกี่ประเภท มารู้จักและเข้าใจผู้สูงอายุให้มากขึ้นกัน !
บางคนอาจจะสงสัยว่า การกำหนดบุคคลหนึ่งเป็นผู้สูงอายุ อายุเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้สูงอายุได้ โดยทั่วไปแล้ว ผู้สูงอายุหมายถึง ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป และเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ ผู้สูงอายุก็จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม เดิมทีจากที่เคยออกไปทำงานนอกบ้านหรือเคยมีตำแหน่งงานสูงๆ มาก่อนก็กลายเป็นผู้สูงอายุวัยเกษียณที่อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ออกไปทำงาน บทบาททางสังคมก็ลดลง รวมถึงมีความเปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพ สุขภาพก็เสื่อมถอยไปตามกาลเวลา ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลง ต้องพึ่งพาคนอื่นมากขึ้น ทำให้ส่งผลกระทบในเรื่องของอารมณ์และสุขภาพจิตด้วย เช่น รู้สึกหงุดหงิดตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ต้องพึ่งพาคนอื่น เป็นภาระของลูกหลาน เป็นต้น ทำให้ผู้สูงอายุมีการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม เช่น ผู้สูงอายุ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ค่อยพูด หากผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น ก็จะอยู่ร่วมกับผู้สูงอายุได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
ทั้งนี้ การแบ่งประเภทของผู้สูงอายุ ก็จะช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของผู้สูงอายุได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน หากจะถามว่า ผู้สูงอายุ มีกี่ประเภท ความจริงแล้ว มีเกณฑ์การแบ่งอยู่หลายแบบ อาทิ แบ่งตามช่วงอายุ แบ่งตามสุขภาพของผู้สูงอายุ หรือใช้เกณฑ์อื่นๆ และถ้าหากแบ่งตามความสามารถของผู้สูงอายุ จะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
เกร็ดสุขภาพ : เมื่อก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในหลายๆ ด้านด้วยกัน ทั้งทางด้านกายภาพหรือด้านร่างกาย ด้านจิตใจ และสังคม สำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงวัยสูงอายุ การเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ อาจทำให้ผู้สูงอายุอาจเกิดความรู้สึกเหงา รู้สึกโดดเดี่ยว เนื่องจากต้องอยู่เพียงลำพัง และขาดความมั่นคงทางจิตใจ เนื่องจากต้องพึ่งพาผู้อื่นในด้านการดำเนินกิจวัตรประจำวัน และมีบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไป หรือเกิดความรู้สึกหดหู่เศร้าใจ เนื่องมาจากความเสื่อมของสมรรถภาพทางกายและจิตใจ เป็นต้น
- กลุ่มที่ช่วยเหลือตัวเองได้ดี : ผู้สูงอายุ มีกี่ประเภท กลุ่มแรกคือผู้สูงอายุที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทำกิจวัตรประจำวันได้เอง ต้องการความช่วยเหลือน้อยมาก
- กลุ่มที่ช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง : ผู้สูงอายุกลุ่มนี้ต้องการความช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันบางอย่างเนื่องจากข้อจำกัดทางร่างกายหรือการรับรู้ เช่น มีสุขภาพไม่ดี เดินเหินได้ไม่สะดวก ต้องใช้ไม้เท้า หรือตาไม่ดี หูไม่ดี เป็นต้น
- กลุ่มที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ : ผู้สูงอายุ มีกี่ประเภท หากแบ่งตามความสามารถ กลุ่มที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จะต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีปัญหาทางด้านสุขภาพ ้เช่น ความจำเสื่อม อัลไซเมอร์ หลงๆ ลืมๆ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่จะต้องได้รับการดูแล เป็นต้น
ผู้สูงอายุ มีกี่ประเภท ? หากแบ่งตามอายุ
หากจะใช้เกณฑ์แบ่งประเภทผู้สูงอายุโดยใช้ช่วงวัย ผู้สูงอายุ อายุเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้สูงอายุได้ ได้มีการแบ่งเกณฑ์ช่วงอายุของผู้สูงวัยไว้ดังนี้
- ผู้สูงอายุ (Elderly) มีอายุระหว่าง 60 – 69 ปี
- คนชรา (Old) มีอายุระหว่าง 70 – 79 ปี
- คนชรามาก (Very old) มีอายุ 80 ปีขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม การแบ่งประเภทผู้สูงอายุตามช่วงวัยอาจไม่สามารถใช้อ้างอิงการวางแผนนโยบายดูแลผู้สูงอายุตามแต่ละช่วงวัยได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด เพราะผู้สูงอายุบางคน แม้จะอยู่ในช่วงวัยคนชรา (70 – 79 ปี) ก็อาจมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมากกว่าผู้สูงอายุในวัยสูงอายุ (60 – 69 ปี) ที่มีโรคประจำตัวหรือมีความพิการบางอย่างซึ่งต้องการความช่วยเหลือมากกว่า และด้วยเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ที่มีศาสตร์แห่งการชะลอวัย ทำให้มนุษย์เราแก่ช้าลง ประกอบกับด้วยวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบันที่หันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ทั้งในเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย การใช้เทคโนโลยีความรู้ทางการแพทย์เข้าช่วย ทำให้มนุษย์เราในปัจจุบันดูอ่อนกว่าวัยเมื่อเทียบกับคนชราในสมัยก่อน ทั้งยังมีอายุยืนมากขึ้นด้วย เป็นเหตุให้มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นและทำให้เกิดปรากฎการณ์การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุนั่นเอง
เตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ ทำได้อย่างไรบ้าง มาดูวิธีกัน
ผู้สูงอายุ มีกี่ประเภท แม้ว่าจะแบ่งตามช่วงวัยหรือแบ่งตามความสามารถในการดูแลตัวเองของผู้สูงอายุ สิ่งสำคัญคือ การดูแลผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีและอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ทั้งนี้ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ชุมชน ครอบครัวหรือคนที่ดูแลผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งตัวผู้สูงอายุเอง เพื่อให้ตัวเองมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี แล้วเราจะมีวิธีการยังไงให้เป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ ทำได้ดังนี้
1. สนับสนุนในเรื่องของสุขภาพ
ระบบการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมและตอบสนองต่อความต้องการของจำนวนสูงอายุที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการดูแลสุขภาพที่เพียงพอ มีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่ได้รับการฝึกอบรมเพื่อการดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ รวมถึงการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาโรคที่เกี่ยวข้องกับอายุก็มีความสำคัญเช่นกัน
2. สังคมให้การสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุ
การสนับสนุนทางสังคมที่แข็งแกร่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ว่าจะเป็นโครงการบำนาญ บริการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน หรือแม้แต่คนในชุมชนด้วยกันเองไม่ทอดทิ้งผู้สูงอายุ ช่วยเหลือและดูแลผู้สูงอายุในชุมชนของตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุไม่ถูกทอดทิ้งและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
3. มีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ
สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและเอื้ออำนวยต่อการดำรงชีพถือเป็นสิ่งสำคัญในการรองรับความต้องการเฉพาะของผู้สูงอายุ เกี่ยวข้องกับการออกแบบบ้านและพื้นที่สาธารณะที่สามารถเข้าถึงได้ มีความปลอดภัย และติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น เช่น ราวจับ ทางลาด พื้นกันลื่น กริ่งฉุกเฉินในห้องน้ำ และลิฟต์ เป็นต้น
4. ส่งเสริมการวางแผนทางการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ
การส่งเสริมให้บุคคลวางแผนความมั่นคงทางการเงินในวัยชราถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งอาจรวมถึงการส่งเสริมการออม เสนอคำแนะนำในการวางแผนเกษียณอายุ การทำประกันสุขภาพเพื่อเซฟเงินที่อาจหมดไปกับการรักษาพยาบาล เป็นต้น
5. จัดตั้งโครงการอาสาสมัครเพื่อทำกิจกรรมร่วมกับผู้สูงอายุ
การส่งเสริมโครงการและกิจกรรมระหว่างผู้สูงอายุกับคนต่างวัย เช่น วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ จะช่วยส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างกลุ่มอายุที่แตกต่างกัน วิธีนี้จะช่วยลดการแยกตัวทางสังคมในหมู่ผู้สูงอายุและส่งเสริมความรู้สึกการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนได้
เกร็ดสุขภาพ : ปัญหาด้านสังคมในผู้สูงอายุคือ ผู้สูงอายุมักขาดเพื่อน เนื่องจากสภาพร่างกายที่ไม่อาจไปมาหาสู่กับเพื่อนรุ่นเดียวกันได้ หรือเพื่อนฝูงได้เสียชีวิตไป และอาจขาดสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลในครอบครัวในรุ่นเยาว์กว่า เพราะมีความคิดทัศนคติที่ต่างกัน รสนิยมต่างกัน ทำให้เกิดความขัดแย้งกับบุคคลรุ่นเยาว์ได้ง่าย
ดูแลผู้สูงอายุอย่างไร เพื่อให้สูงวัยได้อย่างสำราญ แฮปปี้ทั้งผู้สูงอายุและคนดูแล
ผู้สูงอายุ มีกี่ประเภท ไม่ว่าจะแบ่งตามเกณฑ์แบบไหน สิ่งสำคัญคือ แนวทางการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี หากผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุข คนที่ดูแลผู้สูงอายุอย่างลูกหลานหรือคนในครอบครัวก็จะมีความสุขตามไปด้วย แล้วจะมีวิธีการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านอย่างไรดี เรามีคำแนะนำมาให้แล้ว
1. ดูแลให้มีสุขภาพกายที่ดี
ทั้งเรื่องการจัดเตรียมอาหารการกิน ผู้สูงอายุควรรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะสมกับวัย หลีกเลี่ยงอาหารมัน หวาน เค็ม และควรเป็นวัตถุดิบที่เคี้ยวได้ง่าย ย่อยได้ง่าย ส่งเสริมให้การออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น ชวนไปเดินเล่นด้วยกันทุกๆ เช้า และพาผู้สูงอายุไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ
2. ดูแลเรื่องยาประจำตัวของผู้สูงอายุ
นอกจากการดูแลเรื่องอาหารการกินแล้ว การจัดยาประจำตัวให้ผู้สูงอายุก็มีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้สูงอายุบางรายที่มีโรคประจำตัวและต้องรับประทานยาทุกวัน ผู้สูงอายุบางรายอาจมีอาการขี้หลงขี้ลืมจนลืมกินยาได้ หรือมีภาวะสมองเสื่อม จำไม่ได้ว่ากินยาไปแล้วหรือยัง การจัดเตรียมยาให้กับผู้สูงอายุและดูแลเรื่องยาอย่างใกล้ชิดก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่ดีและอาการไม่ทรุดหนักลงกว่าเดิม
3. ออกแบบที่อยู่อาศัยให้ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ
เมื่อมีผู้สูงอายุในบ้าน สิ่งที่ควรใส่ใจคือ สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ เช่น การติดตั้งราวจับในห้องน้ำ มีราวบันไดให้จับเวลาเดินขึ้นลง พื้นไม่ลื่นเพื่อป้องกันผู้สูงอายุล้ม และมีแสงสว่างอย่างเพียงพอเพื่อให้ผู้สูงอายุมองเห็นได้ชัดเจน เพื่อป้องกันการเดินสะดุดสิ่งกีดขวางต่างๆ
4. เอาใจใส่ทางด้านจิตใจของผู้สูงอายุ
นอกจากการดูแลสุขภาพกายแล้ว การดูแลจิตใจผู้สูงอายุก็สำคัญ ผู้สูงอายุ อายุเท่าไหร่ก็มีความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว ด้วยเพราะอาจจะต้องอยู่คนเดียวในระหว่างที่ลูกหลานออกไปทำงาน หรือบางคนอาจอยู่บ้านคนเดียวเพราะลูกๆ ออกจากบ้านไปสร้างครอบครัวของตัวเอง ควรใช้เวลาอยู่กับผู้สูงอายุบ่อยๆ หรือไปเยี่ยมเยียนบ่อยๆ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ พาผู้สูงอายุไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ หรือชักชวนให้ทำงานอดิเรกต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดความเหงาและความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างที่เกิดขึ้นได้
5. ช่วยเหลือกิจวัตรประจำวัน
ผู้สูงอายุ มีกี่ประเภท หากแบ่งตามความสามารถผู้สูงอายุ จะเห็นว่ามีผู้สูงอายุบางส่วนที่ต้องการความช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันบางอย่าง ด้วยความเสื่อมถอยของร่างกายและสมรรถภาพทางกาายที่ลดลง ซึ่งเราสามารถเสนอความช่วยเหลือแก่ผู้สูงอายุได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อยอย่างการช่วยพยุงเดิน ช่วยพยุงเวลาลุกขึ้น หรือเป็นการทำอาหาร เตรียมอาหารให้ผู้สูงอายุ การเตรียมเสื้อผ้าในแต่ละวัน เป็นต้น
สิ่งที่มนุษย์เราทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ความแก่ชรา ซึ่งเป็นปกติธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อมีความแก่ชราก็ย่อมเกิดความเสื่อมไปตามวัย สิ่งสำคัญคือ การเข้าใจธรรมชาติของความเสื่อมตามวัย และเข้าใจความเป็นธรรมชาติของผู้สูงอายุ การรู้ว่าผู้สูงอายุมีกี่ประเภทนั้น ก็จะช่วยให้ดูแลผู้สูงอายุได้อย่างเหมาะสมตามช่วงวัยได้มากขึ้น และอยู่ร่วมกับผู้สูงอายุได้อย่างมีความสุขมากขึ้น สิ่งสำคัญคือ ความเข้าใจ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา และการรับฟังผู้สูงอายุ รับฟังว่าผู้สูงอายุต้องการอะไร ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถดูแลผู้สูงอายุได้ดียิ่งขึ้นและมีความสุขใจกันทั้งสองฝ่ายค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : dmh.go.th, nakornthon.com, thaihealth.or.th, dop.go.th
Featured Image Credit : freepik.com/Lifestylememory
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ