“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ผู้สูงอายุ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ค่อยพูด ทำยังไงดี ? ชวนดูวิธีเข้าใจผู้สูงอายุกัน !
ครอบครัวขยายแบบสังคมไทยบ้านเรา บางบ้านก็จะมีการรวมตัวกันของสมาชิกทุกรุ่นในครอบครัวและอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ บางครั้งจึงเกิดปัญหาขัดแย้ง มีความไม่เข้าใจกัน โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เอาแต่ใจตัวเอง มากขึ้นและไม่ค่อยพูดความต้องการออกมา ทำอะไรให้ก็ดูเหมือนจะไม่พอใจไปหมด บทความนี้เลยอยากจะชวนมาหาวิธีเข้าใจผู้สูงอายุให้มากขึ้น เพระนอกจากท่านจะเป็นบุพการีผู้มีพระคุณแล้ว ท่านยังเป็นผู้มีประสบการณ์ชีวิต ความรู้ และภูมิปัญญามากมายที่เป็นประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลัง และที่สำคัญ ท่านเป็นคุณพ่อคุณแม่ เป็นคุณปู่คุณย่า เป็นคุณตาคุณยายที่เราเคารพรัก ถ้าเราเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น ก็จะอยู่กับท่านได้อย่างมีความสุขมากขึ้นค่ะ
ผู้สูงอายุ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ค่อยพูด เกิดจากอะไร รับมือยังไงดี ? มาเข้าใจผู้สูงอายุให้มากขึ้นกัน
สาเหตุสำคัญที่ผู้สูงอายุอาจดูเหมือนเอาแต่ใจตัวเองเป็นเพราะกำลังเผชิญกับความท้าทายทางร่างกายและอารมณ์ของตนเอง เมื่ออายุมากขึ้น ความเสื่อมของร่างกายก็ตามมา เริ่มมีปัญหาสุขภาพที่สร้างความเจ็บปวดแล้วก็ทำให้เกิดความหงุดหงิดกับตัวเอง ส่งผลให้ร่างกายของผู้สูงอายุอ่อนแอ ยิ่งบางท่านมีการเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบ โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ที่ส่งผลให้การดำเนินกิจวัตรประจำวันเป็นไปได้ยาก ก็ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิด เอาแต่ใจ ผู้สูงอายุจำนวนมากยังมีปัญหาด้านสุขภาพจิต และเกิดเป็น โรคจิตเวชในผู้สูงอายุเช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ทำให้ไม่สามารถเข้าสังคมได้ตามปกติ แล้วการที่ผู้สูงอายุเอาแต่ใจตัวเองนั้น เกิดจากอะไรบ้าง มาจากสาเหตุดังนี้ค่ะ
1. เกิดจากความแก่ชรา
ว่ากันตามจริงแล้ว พฤติกรรมเอาแต่ใจตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชราตามธรรมชาติ เมื่ออายุมากขึ้นหรือเข้าสู่ช่วยวัยสูงอายุ ทำให้บทบาททางสังคมลดลง จากที่เคยทำงานก็อยู่ในวัยเกษียณ ในบางรายอาจอยู่บ้านเฉยๆ ทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย ห่อเหี่ยว ทั้งยังมีข้อจำกัดทางร่างกาย ต้องพึ่งพาผู้อื่นมากขึ้น ทำให้ผู้สูงอายุส่วนใหญ่รู้สึกสูญเสียศักยภาพบางอย่างของตัวเอง หรือสูญเสียตัวตนไป เพื่อชดเชยการสูญเสียนี้ ผู้สูงอายุบางคนจึงแสดงออกด้วยความดื้อรั้นและเอาแต่ใจมากขึ้น ไม่ค่อยอะลุ่มอล่วย และมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่ค่อยดีนัก ถ้าเรามองว่าพฤติกรรมนี้เป็นการพยายามรักษาการมีตัวตนของตนเองเมื่อต้องเผชิญกับความท้าทาย เราก็จะเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น และปฏิบัติต่อผู้สูงอายุด้วยความเห็นอกเห็นใจ แสดงออกด้วยความเคารพ ซึ่งจะช่วยให้ท่านมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น รู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่าและยังคงความภาคภูมิใจไว้ได้
2. เกิดจากความแตกต่างของช่วงวัย
การเอาแต่ใจตัวเองอาจเป็นผลมาจากความแตกต่างระหว่างรุ่น ผู้สูงอายุเติบโตมาในบริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากคนรุ่นใหม่ ค่านิยมและความเชื่อที่ไม่สอดคล้องกัน มีความแตกต่างกันอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในประเด็นต่างๆ เช่น ทางเลือกในการดำเนินชีวิต ทัศนคติการเมือง และศาสนา โดยผู้สูงอายุมักจะไม่ค่อยเปลี่ยนความคิดเห็นหรือปรับตัวเข้ากับแนวคิดใหม่ๆ หรือมีความอนุรักษ์นิยมสูง จึงอาจยึดมั่นในความคิดของตัวเอง เอาแต่ใจตัวเอง และทำให้ไม่ลงรอยกับลูกหลานได้เหมือนกัน
3. เกิดจากปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
ปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อมก็มีบทบาทต่อพฤติกรรมเอาแต่ใจตัวเองของผู้สูงอายุเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพังหรือไม่ได้เข้าสังคมก็อาจรู้สึกโดดเดี่ยวและเปราะบางมากขึ้น ทำให้มีพฤติกรรมป้องกันตนเองมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้สูงอายุที่เคยมีประสบการณ์ที่ถูกเลือกปฏิบัติหรือได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมอาจมีแนวโน้มที่จะต่อต้านผู้อื่น และแสดงการมีตัวตนของตนเอง หรือแสดงถึงสิทธิของตนด้วยการเอาตัวเองเป็นใหญ่นั่นเองค่ะ
4. เกิดจากข้อจำกัดด้านการสื่อสาร
การสื่อสารก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ยากสำหรับผู้สูงอายุ เมื่ออายุมากขึ้น การได้ยินและการมองเห็นย่อมลดลง ส่งผลให้การมีส่วนร่วมในการสนทนาลดลง ยิ่งกว่านั้นผู้สูงอายุจำนวนมากอาจไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรืออาจมีปัญหาการสูญเสียความทรงจำ ปัญหาในการสื่อสารเหล่านี้เป็นอุปสรรคต่อการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของผู้สูงอายุ ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกโดดเดี่ยว ว้าเหว่ และแสดงออกด้วยการเอาแต่ใจได้
เกร็ดสุขภาพ : การแก้ไขปัญหาในการสื่อสารกับผู้สุงอายุ สามารถทำได้โดยการพูดช้าๆ และชัดเจน หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่ซับซ้อนหรือคำสแลง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสภาพแวดล้อมมีแสงสว่างเพียงพอและปราศจากสิ่งรบกวน และพยายามพูดแบบเห็นหน้ากันเพื่อให้ผู้สูงอายุเห็นสีหน้าและภาษากายด้วย หากท่านมีปัญหาในการได้ยิน ลองพูดให้ดังขึ้นหรือพิจารณาใช้เครื่องช่วยฟัง อาจช่วยให้สื่อสารกันได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น
ควรปรับตัวอย่างไร ให้อยู่กับผู้สูงอายุด้วยความเข้าใจกันมากขึ้น
แล้วจะทำอย่างไรให้เข้าใจผู้สูงอายุ แล้วก็สามารถอยู่ร่วมกับผู้สูงอายุได้อย่างปรองดองกันมากขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่สามารถทำได้ คือ การสังเกตผู้สูงอายุ ด้วยความอดทน รับรู้ว่าท่านพบเจอกับความท้าทายหลายอย่างจากการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่วัยสูงอายุ ทั้งทางกายภาพ อารมณ์สังคม สถานะ เริ่มจากการรับฟังผู้สูงอายุให้มากขึ้น ชวนคุยและซักถามเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิต หรือชวนคุยถึงเหตุการณ์เก่าๆ ที่ท่านประทับใจ สิ่งนี้สามารถช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่าในตนเองมากขึ้นและทำให้ท่านรู้สึกว่าถูกยอมรับในฐานะบุคคลคนหนึ่ง
อีกวิธีหนึ่งคือ การหาความสนใจร่วมกันหรือได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน แม้จะมีช่องว่างระหว่างวัย แต่อาจมีความสนใจและงานอดิเรกร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำสวน อ่านหนังสือ หรือทำอาหาร การหาจุดร่วมสามารถเชื่อมความสัมพันธ์ได้ ทั้งยังมีเรื่องที่ได้เรียนรู้จากผู้สูงอายุอีกมากมาย เพราะถึงแม้ท่านจะแก่ชราตามวัย ท่านก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ชีวิตมามากมาย และอาจมีองค์ความรู้ มีภูมิปัญญาต่างๆ ที่อยากจะถ่ายทอดให้กับลูกหลานก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะมองข้ามไม่ได้คือ ภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุ เนื่องจากสุขภาพร่างกายที่ดีทำให้สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่น ก็จะช่วยลดความหงุดหงิด ความไม่สบายตัวต่างๆ ลงได้ รวมถึงการพาผู้สูงอายุไปออกกำลังกายเป็นประจำ ดูแลเรื่องอาหารการกินที่มีประโยชน์ เสริม อาหารบำรุงสมอง ผู้สูงอายุ รวมถึงพาไปพบแพทย์ตามนัดเป็นประจำเพื่อตรวจสุขภาพ ก็จะช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายของผู้สูงอายุให้แข็งแรงตามวัยได้
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญก็คือ การให้เกียรติกันและมีความเห็นอกเห็นใจต่อกัน แม้ท่านจะหงุดหงิดหรือเอาแต่ใจตัวเองไปบ้าง แต่ผู้สูงอายุได้ผ่านประสบการณ์และความท้าทายต่างๆ มากมายมาตลอดชีวิต ท่านอาจผ่านการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ผ่านประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ หรือเคยอยู่ในเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ พยายามเข้าใจมุมมองของท่าน และเคารพชื่นชมตัวตนของท่านจากใจจริง ก็อาจช่วยให้อยู่ร่วมกับผู้สูงอายุได้อย่างเข้าใจมากขึ้นและมีความสุขมากขึ้นทั้งสองฝ่ายค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : ผู้สูงอายุกำลังต่อสู้กับร่างกายและอารมณ์ของตนเอง และมีปัจจัยหลากหลายที่ทำให้เป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ความอดทน มีการปรับตัวในการสื่อสาร การค้นหาความสนใจร่วมกัน การแสดงความเคารพและมีความเห็นอกเห็นใจต่อกัน จะทำให้เข้าใจผู้สูงอายุได้มากขึ้นและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้สูงอายุได้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อท่านเท่านั้น แต่ยังทำให้เราเองมีความสุขใจแล้วก็สบายใจมากขึ้นด้วย
แม้ว่าบางครั้งเราจะไม่มีคำอธิบายสำหรับพฤติกรรมเอาแต่ใจของผู้สูงอายุ แต่ก็มีปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเหล่านี้ การเข้าใจถึงสาเหตุจะช่วยให้เราผู้ดูแลผู้สูงอายุได้ดีขึ้น ทั้งนี้ สมาชิกในครอบครัวควรให้การสนับสนุนทางสังคมที่ดีแก่ผู้สูงอายุ ให้ผู้สูงอายุรู้สึกได้ว่าตนเองยังมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี มีการประนีประนอมและไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของครอบครัว ลองใช้วิธีที่เราเอามาฝากไปปรับใช้กันนะคะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : researchgate.net, alljitblog.com, matichon.co.th, pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
Featured Image Credit : freepik.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ