“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
โรคปากนกกระจอก สาเหตุ คืออะไร ? ขาดวิตามินจริงมั้ย รักษายังไงดี ?!
ปากนกกระจอก (Angular Cheilitis) เป็นลักษณะของรอยแผลหรือรอยแตกร้าวเปื่อย ณ มุมปากทั้งสองข้าง โรคนี้เป็นยังไง ขาดวิตามินอะไร สาเหตุ โรคปากนกกระจอก รักษายังไง ในบทความนี้ เพื่อสุขภาพ จะพาไปหาคำตอบกันค่ะ
ชวนรู้จักโรคปากนกกระจอก สาเหตุมาจากกอะไร ? ดูแลตัวเองยังไงไม่ให้เป็นแผล ?!
จริงๆ แล้ว ที่มาของการเขียนบทความนี้มาจากเมื่อหลายวันก่อน เรามีอาการเป็นแผลที่มุมปาก เวลาอ้าปากก็จะรู้สึกเจ็บ อ้ากว้างไม่ได้ จึงลองเสิร์ชข้อมูลอ่านดูว่าเป็นอะไร จนมารู้ว่ามันคือ โรคปากนกกระจอกค่ะ ดังนั้นจึงในบทความนี้จึงอยากเอาเรื่องนี้มาเล่าให้อ่านกันค่ะ
โรคปากนกกระจอก สาเหตุคืออะไร ?
สาเหตุของ Angular Cheilitis หรือโรคปากนกกระจอก มีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ
- การขาดวิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน), วิตามินบี 3 (เนียซิน), วิตามินบี 6 (ไพริดอกซีน) หรือการขาดสารอาหารอื่นๆ ทำให้เยื่อบุริมฝีปากบางและแตกร้าวง่าย
- การหลั่งน้ำลายออกมามาก เนื่องจากพฤติกรรมการเปิดปากไม่สนิท ทำให้บริเวณมุมปากแห้งแตกง่าย
- การติดเชื้อราในปาก ทำให้เกิดการระคายเคือง แตกร้าว ที่มุมปาก
- การสวมฟันปลอมหรือจัดฟันผิดรูปทรง ทำให้เกิดรอยถลอกบริเวณมุมปาก
- โรคภูมิแพ้ โรคผิวหนัง หรือโรคทางระบบภูมิคุ้มกัน ที่ทำให้ผิวหนังบางและแตกร้าวง่าย
เกร็ดสุขภาพ : โรคผิวหนัง เช่น สะเก็ดเงิน ผื่นภูมิแพ้ต่างๆ มีโอกาสทำให้เกิดโรคปากนกกระจอกด้วย นอกจากนี้สภาพร่างกายที่เสื่อมถอย การขาดสารอาหารที่เกิดจากโรคทางเดินอาหาร ก็เพิ่มความเสี่ยงได้ด้วยเช่นกัน
โรคปากนกกระจอก อาการเป็นยังไง ?
รู้แล้วว่า โรคปากนกกระจอก สาเหตุ คืออะไร ลองมาดูอาการกันบ้างนะคะ
- ริมฝีปากแตก แห้ง แดง บวม และคัน บริเวณมุมปาก
- มีรอยแผลเปิดบริเวณมุมปาก ซึ่งอาจมีหนองหรือกราดเกรียม
- ปากแตกลามไปยังผิวหนังรอบๆ ปาก
- อาจมีอาการปวดและแสบปวดบริเวณมุมปากเมื่อพูดหรือเคี้ยวอาหาร
- ในบางรายอาจมีการติดเชื้อซ้ำๆ และเรื้อรังนานหลายสัปดาห์หรือเดือน
อาการเหล่านี้มักเกิดจากการขาดสารอาหารบางชนิด ความแห้งกร้านของริมฝีปาก การสูบบุหรี่ การติดเชื้อรา หรือมีการระคายเคืองบริเวณมุมปาก
โรคปากนกกระจอก รักษายังไง ?
การรักษาอาการปากนกกระจอก หรือรอยแผลแตกที่มุมปาก มีดังนี้
- รักษาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ เช่น
- หากขาดวิตามินบี ให้รับประทานวิตามินบีรวมเสริม
- หากเกิดจากการติดเชื้อรา ให้ใช้ยาต้านเชื้อราชนิดรับประทาน หรือทายาครีมต้านเชื้อราทาบริเวณแผล
- หากเกิดจากการระคายเคืองจากฟันปลอมหรือจัดฟัน ให้ปรับแก้สภาพฟันให้ถูกต้อง
- รักษาตรงอาการแผล โดย
- ทาครีมบำรุงริมฝีปาก ครีมกันแดด เพื่อบำรุงและป้องกันการแตกร้าว
- ใช้น้ำยาบ้วนปากต้านเชื้อแบคทีเรีย เพื่อลดการติดเชื้อ
- พักการอ้าปากกว้างหรืองัดริมฝีปาก เพื่อไม่ให้แผลแตกมากขึ้น
- งดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ในช่วงที่มีอาการ
- ป้องกันการเกิดซ้ำ โดย
- รักษาสุขอนามัยช่องปากให้สะอาด แปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ
- รับประทานอาหารที่มีวิตามินบีและสารอาหารครบถ้วน
- หลีกเลี่ยงการอ้าปากนานๆ งัดริมฝีปากบ่อยๆ
- ดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ริมฝีปากแห้งแตก
หากปฏิบัติตามข้อแนะนำโรคปากนกกระจอก รักษายังไงดังกล่าวแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม เนื่องจากอาจมีสาเหตุจากโรคประจำตัวหรือภาวะผิดปกติอื่นเป็นตัวเร่งให้เกิดอาการนี้
เป็นปากนกกระจอก กินอะไรดี ?
เมื่อเป็นอาการปากนกกระจอก Angular Cheilitis หรือมีรอยแผลแตกร้าวที่มุมปาก ควรบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ดังนี้
- อาหารอุดมไปด้วยวิตามินบีรวม โดยเฉพาะวิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน), วิตามินบี 3 (นิอาซิน) และวิตามินบี 6 (ไพริดอกซีน) เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ผักใบเขียว โยเกิร์ต ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ธัญพืชไม่ขัดสี น้ำผึ้ง
- อาหารอุดมโปรตีน เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง นม โยเกิร์ต
- อาหารอุดมสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผลไม้สด ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี น้ำผึ้ง
- อาหารที่มีกรดไขมันที่ดี เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง ปลาทะเลชนิดมีน้ำมัน อะโวคาโด เมล็ดแหนม
- เครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์และน้ำตาล เช่น น้ำสมุนไพร น้ำผลไม้ไม่หวาน นม นมถั่วเหลือง
นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้ริมฝีปากแห้งแตก และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรือมีรสเผ็ด เพื่อป้องกันการระคายเคืองบริเวณริมฝีปากที่แตกร้าว การปฏิบัติตามข้อแนะนำด้านโภชนาการอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้รอยแผลหายเร็วขึ้น
เกร็ดสุขภาพ : เมื่อเป็นโรคปากนกกระจอก สาเหตุ เมื่อรู้แล้ว ก็ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด เช่น อาหารรสเผ็ด เปรี้ยว หรือมีรสจัด เพราะจะทำให้แผลระคายเคืองและปวดแสบมากขึ้น อาหารแข็ง และมีขอบคม เช่น ขนมปังกรอบ ขนมกรุบกรอบ เพราะอาจทำให้แผลถลอกและเจ็บปวดได้ง่าย เครื่องดื่มร้อนจัด แอลกอฮอล์ บุหรี่และยาสูบ และอาหารรสเค็ม แนะนำให้บริโภคอาหารอ่อนนุ่ม รสไม่จัด หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคืองและดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น
เมนูอาหารที่แนะนำสำหรับโรคปากนกกระจอก
เมื่อเป็นอาการของโรคปากนกกระจอก หรือรอยแผลแตกร้าวที่มุมปาก ควรเลือกรับประทานอาหารที่อ่อนนุ่ม ไม่รสจัด และอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็น ดังนี้
มื้อเช้า :
- โจ๊กธัญพืชไม่ขัดสีผสมนมถั่วเหลือง
- ไข่ต้มหรืออบ ผักสลัดใบเขียว น้ำส้มคั้นสด
มื้อกลางวัน :
- ข้าวกล้องผัดผักรวมมิตร เช่น บล็อกโคลี่ ดอกกะหล่ำ เห็ด ราดด้วยน้ำสลัดน้ำมันมะกอก
- สลัดผักสดผสมผลไม้ เช่น แอปเปิล แครอท แตงกวา พร้อมน้ำสลัดน้ำผึ้ง
มื้อเย็น :
- แกงเขียวหวานไก่สับ เนื้อไก่ผสมใบโหระพา ตำลึงชะอม กระเทียม
- โยเกิร์ตธรรมชาติคู่กับลูกเกด ลูกพรุน น้ำพริกหนุ่มสไตล์อ่อนๆ
ของว่าง :
- ถั่วเปลือกทอด สมูทตี้ผลไม้รวม เช่น กล้วย มะม่วง พร้อมนมถั่วเหลือง
- น้ำผักและผลไม้ปั่น เช่น แครอท มะนาว กะหล่ำปลี ผสมน้ำผึ้ง
เครื่องดื่ม :
- น้ำสมุนไพร เช่น ชาใบหม่อน ดอกคำฝอย
- น้ำผลไม้สด เช่น แอปเปิ้ล ส้ม มะนาว ฝรั่ง
โดยเน้นอาหารที่มีวิตามินบี วิตามินซี โปรตีน กรดไขมันดี เพื่อบำรุงร่างกาย ลดอาการแสบร้อน บวม เสริมสร้างการหายของแผล หลีกเลี่ยงรสจัด เผ็ดร้อน และของทอด เนื่องจากจะทำให้แผลระคายเคืองมากขึ้น
Featured Image Credit : freepik.com/tania12061997
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ