“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ชวนรู้จัก Anticipatory Anxiety กลัวไปก่อนล่วงหน้า วิตกกังวล อาการ เป็นแบบไหน ทำยังไงดี ? ชวนดูวิธีสงบจิตใจ ไม่ให้กลัวจนเกินเหตุ
เป็นเรื่องปกติที่เราจะรู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลถ้าต้องเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย อาจเป็นตอนที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งาน ต้องไปสอบ ต้องไปออกเดตครั้งแรก หรือจะต้องเดินทางไกลๆ ไปในที่ที่ไม่คุ้นเคย ก็อาจทำให้รู้สึกกังวลขึ้นมาได้ แต่ถ้ารู้สึกกลัวไปก่อนล่วงหน้าจนถึงขั้นวิตกจริตว่าจะต้องเจอกับเรื่องเลวร้าย ต้องมีความผิดพลาดเกิดขึ้น หรือเราจะต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ จนกระทั่งกินไม่ได้นอนไม่หลับ มีอาการประหม่า คิดมากคิดกังวลอยู่ตลอดเวลา เราอาจจะมีภาวะ Anticipatory Anxiety หรือการ วิตกกังวล อาการ กลัวไปก่อนล่วงหน้า โดยเฉพาะเหตุการณ์ในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น แล้วเราจะรับมือกับความกลัวนี้อย่างไรดี ไปดูกันเลยค่ะ
คิดกลัวไปก่อนล่วงหน้า วิตกกังวล อาการของ Anticipatory Anxiety มารู้จักให้มากขึ้นกัน
Anticipatory Anxiety เป็นภาวะที่บุคคลมีความรู้สึกวิตกกังวลต่อเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น โดยความรู้สึกวิตกกังวลที่เกิดขึ้นจะทำให้คนๆ นั้นมีพฤติกรรมย้ำคิดหรือหมกมุ่นอยู่กับจินตนาการทางลบ ภาวะ Anticipatory Anxiety วิตกกังวล อาการกลัวไปก่อนล่วงหน้านี้ จะเกิดขึ้นเมื่อคนๆ นั้นต้องเผชิญกับสถานการณ์ใหญ่ๆ ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผลจะเป็นอย่างไร เช่น การสัมภาษณ์งานที่มีความสำคัญมากๆ หรือการขึ้นแสดงโชว์บนเวทีใหญ่ๆ ที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก หรืออยู่ในช่วงเหตุการณ์สำคัญของชีวิต เช่น กำลังจะเปลี่ยนงานที่แตกต่างจากสายงานเก่าอย่างสิ้นเชิง หรือกำลังจะแต่งงาน กำลังจะย้ายที่อยู่ ย้ายไปต่างประเทศ เป็นต้น
นอกจากนี้ ในบางคนที่เป็นคนขี้กลัว มีความวิตกกังวลสูง อาจเกิดความรู้สึกกลัวว่าจะเกิดภัยธรรมชาติขึ้น หรืออาจกลัวว่าจะมีสงคราม ทำให้เกิดการสูญเสีย กลัวว่าจะมีคนมาทำร้าย กลัวว่าบุคคลอันเป็นที่รักจะจากไป หรือกลัวว่าจะต้องเลิกกับแฟน กลัวว่าจะหย่าร้างกับคู่สมรส เป็นต้น
เกร็ดสุขภาพ : โดยปกติแล้ว คนเราจะวิตกกังวลหรือคิดมากเกี่ยวกับอนาคตในระดับหนึ่ง แต่ถ้าบุคคลนั้นเป็นโรคแพนิค (Panic Disorder) หรือเป็นโรควิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disoder) อาจจะเกิดความกลัวและวิตกกังวลมากกว่าคนปกติ เพราะคนที่เป็นโรคแพนิคมักจะหมกมุ่นอยู่กับเหตุการณ์แย่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต มีการคิดซ้ำๆ ประกอบกับการจินตนาการภาพเหล่านั้นในหัวซ้ำๆ ทำให้เกิดความกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรุนแรง เช่น กลัวว่าตัวเองจะควบคุมตัวเองไม่ได้ มีอาการตื่นตระหนกตกใจ กลัวว่าจะทำสิ่งที่น่าอับอาย เป็นต้น
กลัวไปก่อนล่วงหน้า วิตกกังวล อาการ ของ Anticipatory Anxiety เป็นแบบไหน ?
การมีความกังวลใจในอนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้น เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ถ้ามีความวิตกจริต วิตกกังวล อาการแบบไหนถึงจะเข้าข่ายภาวะ Anticipatory Anxiety ไปดูกันเลยค่ะ
- รู้สึกหวั่นใจว่าจะมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น
- รู้สึกเครียด ตื่นตระหนก ขวัญเสีย
- มีอาการหงุดหงิด กระวนกระวาย
- คาดคะเนหรือคิดไปก่อนล่วงหน้าว่าผลลัพธ์จะต้องออกมาเลวร้าย
- ระมัดระวังเป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้น
- ใจสั่น หายใจถี่ หรือหายใจไม่ทั่วท้อง
- ปวดหัว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ
- เหงื่อออกมาก กล้ามเนื้อเกร็งหรือกระตุก
- ท้องไส้ปั่นป่วน ปัสสาวะบ่อย หรือท้องเสีย
เกร็ดสุขภาพ : ภาวะ Anticipatory Anxiety อาจมีความเกี่ยวข้องกับโรคกลัวการเข้าสังคมหรือ Social Phobia ได้ด้วย ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีความวิตกกังวลต่อการเข้าสังคม กลัวว่าจะถูกจ้องมองหรือเผลอทำอะไรที่น่าอาย รู้สึกประหม่า เมื่อต้องเป็นจุดสนใจ มักคิดว่าคนอื่นจะไม่ชอบตัวเองหรือกลัวว่าจะถูกนินทาลับหลัง ความกลัวความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นนั้นอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ในบางรายอาจหน้าแดง เหงื่อออก กระสับกระส่าย คลื่นไส้ หัวใจเต้นเร็ว หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม เป็นต้น
จะรับมือกับความวิตกกังวล อาการกลัวไปก่อนล่วงหน้าอย่างไรดี ?
ความขี้กลัวต่อเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึงนั้น อาจเข้ามาแทรกซึมในความคิดของเรามากจนเกินไป ทำให้เราหมกมุ่นอยู่กับการจินตนาการถึงเหตุการณ์ร้ายๆ ในอนาคต การรับรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รอบตัวก็อาจจะบิดเบี้ยวไปจากความเป็นจริง เพราะความวิตกกังวลนี้จะครอบงำความคิดของเรา ทำให้เราคิดถึงแต่สิ่งร้ายๆ ในอนาคตและอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันได้ แล้วเราจะรับมือกับภาวะ Anticipatory Anxiety อย่างไรดี สามารถทำได้ดังนี้ค่ะ
1. มีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าความคิดของเราอาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
เชื่อไหมคะว่า เรามักจะคาดเดาสิ่งที่เราไม่รู้โดยใช้อารมณ์เป็นหลัก และความคิดของเรานั้นอาจหมกมุ่นอยู่กับเหตการณ์แย่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในคนที่ขี้กลัวขี้กังวลอยู่เป็นทุนเดิม ทำให้เราคาดเดาอนาคตที่ผิดไปจากความเป็นจริงได้ และสิ่งที่เราคิดกังวลไปก่อนนั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นจริงเสมอไป เตือนตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่านี่เป็นเพียงความคิดลบๆ ของเรา และหลายๆ ครั้งมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง การรู้เท่าทันความคิดตัวเองอยู่เสมอจะทำให้เราจะโฟกัสกับมันน้อยลงค่ะ
2. คิดพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในชีวิตจริง
การกลัวไปก่อนล่วงหน้า มีความวิตกกังวล อาการที่เกิดขึ้นนั้น มักจะเครียดหรือตื่นตระหนกต่ออนาคตที่ยังมาไม่ถึง และวาดภาพอนาคตไปในทิศทางลบ ทั้งนี้ เราต้องพิจารณาจากปัจจุบันก่อนว่า มันสามารถทำให้เกิดสถานการณ์แย่ๆ ในอนาคตตามที่เรากลัวได้หรือไม่ เช่น หากกลัวว่าจะพรีเซนต์งานได้ไม่ดี แต่ถ้าเรามั่นใจว่าเราเตรียมตัวมาดีแล้ว เตรียมทุกอย่างอย่างพร้อมที่สุดแล้ว สิ่งที่เรากังวลก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ซึ่งการคาดเดาอนาคตโดยดูจากสถานการณ์ตามความจริงจริงนั้น ก็อาจช่วยลดความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นได้
3. วางแผนรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เป็นไปได้มั้ยว่า สาเหตุที่เรากลัวอนาคตหรือกลัวไปก่อนล่วงหน้านั้น ก็เพราะเรากลัวความไม่แน่นอนและกลัวว่าจะไม่สามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ กลัวว่าจะไม่สามารถจัดการสิ่งต่างๆ ได้ เพราะฉะนั้น ให้คิดถึงแผนการเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ร้ายๆ ที่อาจเกิดขึ้นเอาไว้เลยค่ะ การขี้กลัวคิดกังวลไปเฉยๆ นั้น ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แทนที่เราจะมานั่งกังวลไปเฉยๆ ให้เราคิดหาทางออกเอาไว้เลยว่า ถ้ามันเกิดขึ้นจริงเราจะทำยังไง จะแก้ไขสถานการณ์ยังไง จะขอความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง ฯลฯ การมีแผนการรองรับเอาไว้พร้อมจะทำให้เราคลายความวิตกกังวลไปได้ และอาจทำให้เรารู้สึกอุ่นใจมากขึ้นด้วย
4. เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อสิ่งแย่ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
เป็นเรื่องจริงที่ว่า เราไม่สามารถควบคุมอนาคตได้ ดังนั้น แทนที่เราจะมัวแต่กลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ลองวิเคราะห์ดูว่าเพราะอะไรเราถึงกลัว เช่น กลัวว่าจะทำผิดพลาด กลัวว่าจะสูญเสีย กลัวว่าจะอับอาย แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริงจะเป็นอย่างไร ? แทนที่เราจะมัวแต่กลัวจนดูเป็นคนขี้กลัวเกินเหตุ ลองถามตัวเองต่อว่า แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ มันจะให้อะไรกับเรา จะให้บทเรียน ให้ประสบการณ์ หรือให้เราได้เรียนรู้ ฯลฯ หากเราเปลี่ยนมุมมองต่อสิ่งที่แย่ๆ อาจจะเกิดขึ้น เราก็จะสามารถลดความวิตกกังวลลงไปได้ค่ะ
5. เบี่ยงเบนความสนใจไปจากความวิตกกังวลของตัวเอง
การหมกมุ่นอยู่กับความวิตกกังวล อาการกลัวไปล่วงหน้า กลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นนั้น อาจทำให้เราอยู่ในขั้นวิตกจริตและเกิดความเครียดอย่างรุนแรงได้ การเอาตัวเองออกจากความคิดลบๆ ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจอย่างการหันไปพูดคุยกับเพื่อน การฟังพอตแคสต์ที่ช่วยเสริมสร้างกำลังใจ การอ่านคำคมธรรมะ สอนใจ เพื่อช่วยดึงสติตัวเอง หรือทำงานอื่นๆ ที่จะต้องใช้สมาธิอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยให้เราไม่โฟกัสกับความกลัวความวิตกกังวลได้ หรืออาจจะเป็นการทำกิจกรรมที่ทำให้เรามีความสุขสนุกเพลิดเพลินก็ได้ ก็จะทำให้เราหลงลืมความวิตกกังวลนั้นๆ ไป
ภาวะกลัวไปก่อนล่วงหน้า หรือ Anticipatory Anxiety นั้น เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะคนที่คิดมาก มีความกลัวหรือความกังวลเป็นทุนเดิม ถ้าเราไม่สามารถจัดการกับความกลัวความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นได้ก็อาจส่งผลเสียทั้งต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ทำให้เกิดความเครียด ประหม่า กระสับกระส่าย ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว ทั้งนี้ ความกลัวนั้นก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน เพราะทำให้เรามีความรอบครอบมากขึ้นและวางแผนแก้ไขสถานการณ์เอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ถ้ากลัวมากเกินไป อาจจะต้องปรับความคิดเสียใหม่ เพราะความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว จงเอาชนะความกลัวของตัวเองให้ได้นะคะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : eugenetherapy.com, verywellmind.com, medicalnewstoday.com
Featured Image Credit : freepik.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ