“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ทุเรียน ประโยชน์ โทษ ที่ควรรู้ ! กินแค่ไหนถึงจะพอดี กินแค่ไหนถึงได้ประโยชน์ ?!
ทุเรียน เป็นผลไม้โปรตีนสูงที่มีรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นที่นิยมบริโภคได้ทั้งสดและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ แต่ในบางพื้นที่ถูกมองว่าเป็นผลไม้ต้องห้ามเนื่องจากมีกลิ่นรุนแรงจนเกินไป ถึงจะรสชาติดี แต่ว่าก็ไม่ควรกินมากจนเกิดโทษ ในบทความนี้ เพื่อสุขภาพ จะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับทุเรียนให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ทุกคนได้ทั้งกินอร่อย ได้ประโยชน์ และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพกันค่ะ
กินแค่ไหนถึงได้ประโยชน์ ชวนดู ทุเรียน ประโยชน์ โทษ เพื่อสุขภาพกัน !
ทุเรียนจัดอยู่ในวงศ์ฝ้าย (Malvaceae) หรืออาจจัดอยู่ในวงศ์ทุเรียน (Bombacaceae) ตามทัศนะของบางนักอนุกรมวิธาน ซึ่งจัดได้ว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ มีสารประกอบเคมีหลายชนิดที่ก่อให้เกิดกลิ่นและรสชาติเฉพาะของทุเรียน เช่น เอสเทอร์ คีโตน และสารประกอบกำมะถัน ด้วยกลิ่นที่แรงจัดจึงมีการห้ามนำทุเรียนเข้าสู่บางสถานที่เนื่องจากมีกลิ่นแรงจนบางคนไม่ชอบ ทุเรียนมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานเนื่องจากมีน้ำตาลและไขมันสูง เอาหล่ะค่ะ มาทำความรู้จักทุเรียน ประโยชน์ โทษ กันต่อเลยดีกว่าค่ะ
ทุเรียน ประโยชน์
แม้ทุเรียนจะมีประโยชน์หลายด้าน แต่ก็ควรบริโภคอย่างพอดี เนื่องจากมีแคลอรี่และน้ำตาลค่อนข้างสูง อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ต้องควบคุมน้ำหนัก มาดู ทุเรียน ประโยชน์ ต่อร่างกายหากกินอย่างพอดีกันค่ะ
- แหล่งวิตามินและแร่ธาตุ : อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินบี1 วิตามินบี3 และวิตามินอี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุสำคัญ เช่น เหล็ก ฟอสฟอรัส แมงกานีส และโพแทสเซียม ที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง
- ช่วยควบคุมน้ำหนักตัว : ทุเรียนมีใยอาหารสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็ว และช่วยการขับถ่ายที่ดี แม้มีไขมันสูงแต่ก็เป็นไขมันไม่อิ่มตัวชนิดดี เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3
- ต้านอนุมูลอิสระ : มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น วิตามินซี วิตามินอี ช่วยชะลอความแก่และลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
- ลดโคเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดแข็ง : มีสารที่ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวช่วยลดระดับ LDL (คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี)
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด : เนื่องจากมีส่วนประกอบของกรดอะมิโน ช่วยขยายหลอดเลือด
เกร็ดสุขภาพ : ทุเรียนทั้งหมดมีประมาณ 30 ชนิด แต่มีเพียง Durio zibethinus เท่านั้นที่ได้รับความนิยม ส่วนสายพันธุ์ของทุเรียนที่มีให้เลือกบริโภคนั้นมีมากกว่า 100 สายพันธุ์เลยทีเดียว
โทษของทุเรียน
แม้ทุเรียนจะอุดมไปด้วยคุณประโยชน์หลายประการ แต่การบริโภคมากเกินไปก็อาจก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายได้ ดังนี้
- ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากทุเรียนมีปริมาณน้ำตาลสูง ผู้ที่เป็นเบาหวานหรือต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจึงควรระมัดระวัง
- อาการปวดท้องหรือท้องผูก เพราะทุเรียนมีใยอาหารสูง หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้
- อาหารไม่ย่อย เนื่องจากทุเรียนมีไขมันสูง การรับประทานในปริมาณมากอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักเกินไป
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง เนื่องจากทุเรียนมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ อาจส่งผลให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากกระดูกและทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดสูงขึ้น
- ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง เพราะทุเรียนมีโพแทสเซียมสูง ผู้ที่มีปัญหาไตหรือผู้สูงอายุจึงควรระวัง
- นำ้หนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากทุเรียนมีพลังงานสูงจากไขมันและน้ำตาล การรับประทานมากอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้
- อาการผื่นคันหรือแพ้ บางรายอาจมีอาการแพ้ทุเรียนได้ เกิดจากสารประกอบกำมะถันในทุเรียน
เกร็ดสุขภาพ : การรับประทานทุเรียนในปริมาณพอดี ประมาณ 100 กรัมหรือ 2 เม็ดเล็กต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงจากโทษต่างๆ เหล่านี้ แต่หากมีปัญหาสุขภาพบางอย่างก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
การแปรรูปทุเรียน
ได้รู้จักทุเรียน ประโยชน์ โทษ กันไปแล้ว ลองมาดูกันต่อนะคะว่าทุเรียนถูกนำไปแปรรูปอะไรกันบ้าง (ลองดูไอเดียเมนูทุเรียนเพิ่มเติมกันได้อีกนะคะ)
- อาหารคาว
ทุเรียนสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับอาหารคาวได้เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนักเมื่อเทียบกับการใช้ในขนมหวาน แต่ก็มีเมนูอาหารคาวที่ใช้ทุเรียนเป็นส่วนประกอบ ตัวอย่างเช่น
- แกงทุเรียน – เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคใต้ของไทย
- ส้มตำทุเรียน – การนำทุเรียนมาใส่ในส้มตำเพื่อเพิ่มรสชาติ
- น้ำพริกทุเรียน – นำทุเรียนมาผสมในน้ำพริก
- ผัดเปรี้ยวหวานทุเรียน – การนำทุเรียนมาผัดกับเนื้อสัตว์และผักในซอสเปรี้ยวหวาน
- ไข่เจียวทุเรียน – การนำทุเรียนมาผสมในไข่เจียว
การใช้ทุเรียนในอาหารคาวนั้นต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์และการทดลอง เนื่องจากรสชาติที่เข้มข้นและกลิ่นที่โดดเด่นของทุเรียน การใช้ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มมิติของรสชาติให้กับอาหารได้อย่างน่าสนใจ
- อาหารหวาน
ทุเรียนสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารหวานต่างๆ ได้มากมาย เช่น
- ทุเรียนทอดกรอบ
- ทุเรียนกวน
- ไอศกรีมทุเรียน
- เค้กทุเรียน
- ขนมปังทุเรียน
- ทุเรียนอบแห้ง
- แยมทุเรียน
- ทอฟฟี่ทุเรียน
- คุกกี้ทุเรียน
- ทุเรียนกระป๋อง
นอกจากนี้ ยังมีการนำทุเรียนไปเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสปาอีกด้วย ลองมาดูตัวอย่างกันค่ะ
- ครีมบำรุงผิว – สารสกัดจากทุเรียนมีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงผิว
- มาส์กหน้า – ทุเรียนมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยในการฟื้นฟูผิว
- แชมพูและครีมนวดผม – น้ำมันจากเมล็ดทุเรียนมีประโยชน์ในการบำรุงเส้นผม
- สบู่ – มีการผลิตสบู่ที่มีส่วนผสมของทุเรียนเพื่อการทำความสะอาดและบำรุงผิว
- น้ำมันนวดตัว – ในบางสปามีการใช้น้ำมันสกัดจากทุเรียนในการนวด
- ทรีทเมนต์มือและเท้า – บางสปาใช้เนื้อทุเรียนในการทำทรีทเมนต์เพื่อบำรุงผิว
- ลิปบาล์ม – มีการนำน้ำมันจากเมล็ดทุเรียนมาเป็นส่วนผสมในลิปบาล์ม
อย่างไรก็ตาม การใช้ทุเรียนในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสปายังไม่แพร่หลายมากนัก และอาจต้องระมัดระวังเรื่องกลิ่นที่อาจรบกวนผู้ใช้บางคน ดังนั้น ผู้ผลิตมักจะใช้สารสกัดหรือน้ำมันจากทุเรียนที่ผ่านการกำจัดกลิ่นแล้ว
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณเคยใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหรือบริการสปาที่มีส่วนผสมของทุเรียนไหมคะ ? หรือมีความสนใจที่จะลองใช้ไหม ?
ทุเรียน “ราชาแห่งผลไม้” ที่ไม่เพียงแต่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากมาย ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณ และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ นอกจากการบริโภคสดแล้ว ทุเรียนยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย ทั้งอาหาร ขนม และแม้แต่เครื่องสำอาง แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในการใช้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม การบริโภคทุเรียนควรทำอย่างพอดี เนื่องจากมีแคลอรี่และน้ำตาลสูง อาจส่งผลเสียต่อผู้ที่ควบคุมน้ำหนักหรือเป็นโรคเบาหวาน นอกจากนี้ ทุเรียนยังอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในบางคน และไม่ควรรับประทานร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือไม่ควรกินทุกเรียนกับโค้ก เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ดังนั้น การเข้าใจทุเรียน ประโยชนโทษ ก่อนที่จะกินจะช่วยให้เราสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติอันเป็นที่หลงใหลของผลไม้ชนิดนี้ได้อย่างปลอดภัยค่ะ
Featured Image Credit : vecteezy.com/chidchanika199
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ