“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
โรคข้าวผัด คืออะไร ? มีอยู่จริงหรือ มารู้จัก Fried Rice Syndrome กัน !
ทุกวันนี้มีชื่อโรคแปลกๆ มากมายที่บางคนอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือเกิดความสงสัยว่า มันมีอยู่จริงหรือ เช่น “โรคเหงาหลับ” ที่มีพาหะจากแมลงวันแอฟริกา “โรคใจสลาย” ซึ่งเป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถบีบตัวได้อย่างเฉียบพลัน หรือ “โรคกลั่นเหล้าไม่รู้ตัว” ที่ยีสต์ในร่างกายหมักคาร์โบไฮเดรตในลำไส้มากจนเกินไป จนเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์ในร่างกาย รวมถึง “โรคข้าวผัด” ที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารชนิดหนึ่ง ในบทความนี้ เราจะพามารู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้นค่ะ โรคที่มีชื่อเป็นเมนูอาหารนี้มีอาการอย่างไร เป็นโรคอะไรกันแน่ ?! มารู้จักให้มากขึ้นกันเลย
โรคข้าวผัด คืออะไร เกี่ยวข้องอะไรกับข้าวผัดหรือเปล่า ?!
เชื่อว่าถ้าใครไม่เคยได้ยินชื่อโรคนี้มาก่อน ฟังแล้วต้องอุทานว่า หา อะไรนะ ? มีอยู่จริงหรือ แต่โรคข้าวผัดมีอยู่จริงค่ะ ภาษาอังกฤษก็แปลตรงตัวว่า Fried Rice Syndrome เป็นภาวะอาหารเป็นพิษอย่างหนึ่ง ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซีเรียส (Bacillus Cereus) ซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้ พบได้ทั่วไปในอาหารที่วางทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลานานๆ มากกว่า 2 ชั่วโมงเป็นต้นไปโดยที่ยังไม่รับประทานทันที อาหารหลายๆ เมนู เช่น เมนูข้าวผัด เมื่อทิ้งไว้นานเกินไป แบคทีเรียในอาหารจะปล่อยสารพิษออกมาในขณะที่อุณหภูมิอาหารเริ่มเย็นลง เมื่อรับประทานเข้าไปก็อาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้
เกร็ดสุขภาพ : บาซิลลัส ซีเรียส เป็นแบคทีเรียที่มีลักษณะรูปร่างเป็นท่อนตรง ส่วนใหญ่แล้วสามารถเคลื่อนที่ได้ มีการสร้างสปอร์และสร้างสารพิษ ซึ่งจะขับสารพิษออกมาขณะปนเปื้อนอยู่ในอาหาร ช่วงอุณหภูมิการเติบโตจะอยู่ระหว่าง 30 – 37 องศาเซลเซียส บางสายพันธ์ุสามารถเติบโตได้ที่อุณหภูมิสูงถึง 45 องศาเซลเซียส และบางสายพันธ์ุเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิ 4 – 5 องศาเซลเซียส พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ ในดิน ฝุ่นละออง และผลิตภัณฑ์จากพืช เช่น ข้าว ธัญพืช แป้ง ผลิตภัณฑ์จากแป้ง เครื่องเทศ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และเครื่องปรุงแต่งรสต่างๆ
โรคข้าวผัด พบได้ในเมนูข้าวผัดอย่างเดียวหรือไม่ ?
ถึงแม้จะชื่อว่าโรคข้าวผัด แต่ก็ไม่ได้พบเฉพาะในเมนูข้าวผัดเท่านั้นนะคะ เพราะแบคทีเรียชนิดนี้สามารถเจริญเติบโตได้ดีบนอาหารที่ทิ้งค้างไว้ และการทำข้าวผัดนั้น ก็มักจะนำเอาข้าวที่หุงไว้นานแล้วมาทำ เพื่อให้ได้ข้าวที่มีเม็ดร่วน ผัดง่ายไม่เป็นก้อน แต่ถ้าเก็บข้าวไม่ดี ใช้เวลาผัดข้าวไม่นาน ความร้อนไม่มากพอก็ไม่สามารถทำลายแบคทีเรียได้ หากรับประทานไม่หมด เก็บไว้ไม่ดี แล้วเอามาอุ่นซ้ำก็เสี่ยงที่จะรับประทานเชื้อแบคทีเรียเข้าไปและทำให้อาหารเป็นพิษได้ นอกจากข้าวผัดแล้ว Fried Rice Syndrome ยังเกิดได้กับเมนูอาหารอื่นๆ ที่ทำมาจากแป้งแปรรูปประเภทต่างๆ เช่น เส้นพาสต้า มักกะโรนี เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นโฮลวีตหรือเส้นที่ทำจากผัก รวมถึงเมนูมันบด ซึ่งเคยมีรายงานข่าวจากต่างประเทศว่ามีคนเสียชีวิตจากการรับประทานอาหารประเภทพาสตาที่ทำค้างไว้แล้ว 5 วัน ซึ่งป่วยด้วยโรคข้าวผัดนั่นเองค่ะ แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป อัตราการเสียชีวิตนั้นต่ำมาก แต่ก็อาจมีโอกาสเสียชีวิตได้เช่นกันหากมีการสูญเสียน้ำมากจนเกิดภาวะช็อกจนเสียชีวิตนั่นเอง
เกร็ดสุขภาพ : หากปรุงอาหารไม่ดี สุกไม่ทั่วกัน ใช้ความร้อนไม่เพียงพอ มีขั้นตอนการเตรียมที่ไม่ถูกสุขอนามัย วัตถุดิบไม่สดสะอาด และมีการเก็บรักษาที่ไม่ดีหลังปรุงสุก เชื้อแบคทีเรียก็จะเจริญเติบโตได้ดีและสร้างสารพิษในอาหาร ซึ่งเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรค Fried Rice Syndrome ได้
อาการของโรคข้าวผัดเป็นยังไง ?
อาการของโรคนั้นก็คล้ายคลึงกับอาการท้องเสียอาหารเป็นพิษโดยทั่วไป ซึ่งมักจะแสดงอาการเมื่อรับประทานอาหารไปแล้ว 3 – 4 ชั่วโมง (ในบางรายเชื้อโรคอาจฟักตัวประมาณ 6 – 12 ชั่วโมง) และอาการป่วยจะคงอยู่ได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง โดยจะมีอาการดังนี้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำและปวดมวนท้องอย่างรุนแรง
- ในบางรายอาจถ่ายอุจจาระปนเลือดหรือมูก
- เป็นไข้ หนาวสั่น
- ปวดหัว วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด
- ไม่มีแรง อ่อนเพลีย มือเท้าเย็น
- เมื่อตรวจเลือดดูแล้วพบจำนวนเม็ดเลือดขาวสูง
ทั้งนี้ หากมีอาการอาเจียนอย่างรุนแรงหรือถ่ายเหลวไม่หยุด (มากกว่า 8 – 10 ครั้ง) และมีไข้ร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์ทันที เพราะร่างกายอาจสูญเสียน้ำอย่างรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
วิธีรักษา ทำได้อย่างไร
สำหรับการรักษานั้น แพทย์จะทำการรักษาจากการวินิจฉัยตามอาการ ถ้ามีอาการไม่รุนแรงมากนัก ยังสามารถรับประทานอาหารได้และขาดน้ำไม่มาก ไม่มีอาการหน้ามืด แพทย์อาจให้การรักษาตามอาการโดยการให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำและแร่ธาตุที่สูญเสียไป และแนะนำให้ดูแลตัวเองด้วยวิธีแก้ปวดท้องท้องเสียเพื่อให้อาการทุเลาลง แต่ถ้ามีอาการรุนแรง อาจต้องรักษาในโรงพยาบาล โดยให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ หรือให้ยาฆ่าเชื้อจนกว่าอาการจะดีขึ้น
วิธีป้องกันตนเองจากโรคข้าวผัด
วิธีป้องกันโรคข้าวผัด แนะนำว่าควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ทันที ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ตั้งค้างทิ้งไว้มากกว่า 2 ชั่วโมง หากรับประทานอาหารไม่หมด หรือตั้งอาหารทิ้งไว้มากกว่า 2 ชั่วโมงและต้องการเก็บ ก็ให้นำไปอุ่นร้อนอีกครั้งก่อนนำเข้าตู้เย็น และถ้าทำกับข้าวไว้แล้วต้องการแบ่งอาหารไว้กินบางส่วน เก็บบางส่วน ก็ให้แบ่งไว้และนำเข้าตู้เย็นทันที ไม่ต้องรอให้เย็นสนิท เพราะในขณะที่รออาหารเย็นอาจเป็นช่วงเวลาที่แบคทีเรียมีการเจริญเติบโต และถ้าตั้งอาหารทิ้งไว้นานเกิน 4 ชั่วโมงขึ้นไป ก็ไม่ควรเก็บเข้าตู้เย็น และไม่ควรนำมารับประทาน เพราะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอาหารเป็นพิษที่ไม่ใช่เฉพาะ Fried Rice Syndrome เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาการอาหารเป็นพิษที่เกิดจากเชื้อโรคชนิดอื่นๆ ด้วย
แม้ว่าโรคข้าวผัดจะก่อให้เกิดการเสียชีวิตน้อยมาก แต่ก็มีความรุนแรงและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และหลายๆ คนก็เสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้สูง เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน มีโอกาสที่แบคทีเรียจะเติบโตในอาหารได้ง่ายในอุณหภูมิที่เหมาะสม และหลายๆ บ้านก็อาจจะชอบตั้งกับข้าวทิ้งไว้บนโต๊ะอาหารโดยที่ไม่เก็บเข้าตู้เย็นให้เรียบร้อยและนำมารับประทานซ้ำอีกครั้ง ซึ่งการทำแบบนี้ นอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดโรค Fried Rice Syndrome แล้ว ยังเสี่ยงต่อโรคท้องร่วง หรืออาหารเป็นพิษอื่นๆ โดยเฉพาะในหน้าร้อนที่อาหารจะบูดเสียได้ง่าย ดังนั้นแล้ว ควรกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ อยู่เสมอ และเก็บอาหารให้ถูกวิธี นำมาอุ่นร้อนด้วยความร้อนที่เหมาะสมก่อนรับประทาน เพื่อป้องกันความเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้จากการกินที่ไม่ถูกสุขลักษณะนะคะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : ch9airport.com, bangkokbiznews.com, sfa.gov.sg, theconversation.com
Featured Image Credit : vecteezy.com/Zemon
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ