“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
สมุนไพรแก้หวัดคัดจมูก มีอะไรบ้าง มาบำรุงสุขภาพตัวเองในช่วงหน้าหนาวกัน
เข้าสู่ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงทีไร โดยเฉพาะเข้าช่วงหน้าหนาวที่อากาศจะเย็นลง หลายๆ คนก็อาจจะมีอาการไอ จาม เป็นหวัด คัดจมูก ซึ่งอาการเป็นไข้หวัดนี้ เป็นโรคที่มากับหน้าหนาว อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากไม่ดูแลตัวเองให้ดีก็อาจทำให้ป่วยได้ ทั้งนี้ หากใครกำลังมีอาการเป็นหวัดคัดจมูกอยู่ละก็ เรามี 10 สมุนไพรแก้หวัดคัดจมูก มาฝากกันแล้วค่ะ รับรองว่าช่วยให้อาการดีขึ้นอย่างแน่นอน สมุนไพรบางชนิดก็หาได้ง่ายๆ ในครัวของเรานี่เอง จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
10 สมุนไพรแก้หวัดคัดจมูก ช่วยให้อาการดีขึ้นได้จริง
เมื่อมีอาการเป็นหวัดคัดจมูก บางคนก็อาจจะกินยาแผนปัจจุบันเพื่อบรรเทาอาการป่วยต่างๆ อย่างยาแก้แพ้ ยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูก เป็นต้น ทั้งนี้ การเป็นหวัดแต่ละทีนั้นเป็นนาน โดยเฉพาะในบางคนทีมีอาการไอร่วมด้วย ในบางคนนั้นไอเป็นเดือนๆ หากกินยาติดต่อกันเป็นเวลานานอาจจะส่งผลต่อตับไตของเราได้ การใช้สมุนไพรจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เป็นการกินอาหารให้เป็นยา เพราะสมุนไพรแก้หวัดคัดจมูกบางชนิดก็หาได้ง่ายๆ จากในครัวเรานี่เอง มีความปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อย สามารถใช้ได้เป็นประจำ จะมีสมุนไพรชนิดไหนบ้างนั้น มาดูไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
1. กะเพรา
กะเพรา ประโยชน์มีมากมาย นอกจากจะเอามาทำอาหารเมนูผัดกะเพราแล้ว ยังเป็นสมุนไพรแก้หวัดคัดจมูกอีกด้วย กะเพราเป็นสมุนไพรที่คนอินเดียนิยมใช้แก้ไอ แก้ปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจ กระเพรามีสรรพคุณช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แข็งแรง จะสูดน้ำต้มใบกะเพราเพื่อบรรเทาอาการเป็นหวัดคัดจมูกก็ได้ นอกจากนี้ น้ำต้มใบกะเพรายังช่วยขับลม แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ด้วยนะคะ
2. ขิง
ถ้าพูดถึงสมุนไพรที่ช่วยแก้หวัด เชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องนึกถึงขิงกันอย่างแน่นอน ขิงเป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับลม ช่วยย่อยอาหาร ช่วยบำรุงธาตุ และยังเป็นสมุนไพรแก้หวัด แก้ไอ เพราะในขิงมีสารพฤกษเคมีหลากหลายชนิดที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อหวัดได้ ถ้าใครเป็นหวัดอยู่ละก็ ลองกินอาหารที่มีส่วนผสมของขิง หรือจิบน้ำขิงร้อนๆ ดูนะคะ
3. หอมแดง
หอมแดงก็เป็นสมุนไพรแก้หวัดคัดจมูกชั้นเลิศ ในหอมแดงจะมีน้ำมันอัลลิลิกไดซัลไฟด์ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นน้ำมันหอมระเหย การสูดกลิ่นน้ำมันหอมระเหยนี้จะช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูกได้ สามารถนำหอมแดงมาทุบพอหยาบแล้วห่อด้วยบางๆ จากนั้นนำมาประคบไว้ตรงกระหม่อม หรือวางไว้ในบริเวณที่นอน ก็จะช่วยหายใจโล่งขึ้น หรืออาจต้มน้ำหอมแดงแล้วสูดกลิ่นไอเข้าไปก็ได้ หรือจะนำไปปรุงอาหาร เช่น เอาใส่ในยำ ในต้มยำ แล้วกินแก้หวัดก็ได้เช่นกันค่ะ
4. ตะไคร้
ตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยที่เรียกว่ายูจีนอล ซึ่งช่วยให้หายใจโล่งขึ้น จึงนำมาใช้เป็นสมุนไพรแก้หวัดคัดจมูกได้ บุบตะไคร้ประมาณ 3 – 4 ต้นให้แตก แล้วนำมาต้มกับน้ำเปล่าประมาณ 1 ลิตร รอจนเดือด แล้วยกลง รินเอาแต่น้ำและจิบบ่อยๆ จะช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ดีขึ้น และยังช่วยแก้อาการน้ำมูกไหลจากหวัดได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังใช้เป็นสมุนไพรที่ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับได้อีกด้วยนะคะ ใครมีปัญหาด้านการนอนหลับลองดื่มชาตะไคร้ดู จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้ง่ายขึ้นค่ะ
5. ฟ้าทะลายโจร
ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรแก้ไข้แก้หวัดที่รู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ในฟ้าทะลายโจรมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพหลากหลายชนิด เช่น ไดเทอร์ปีนอยด์ ฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอล ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านการติดเชื้อ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยบรรเทาอาการเป็นไข้หวัดได้ ปัจจุบันก็มีฟ้าทะลายโจรในรูปแบบแแคปซูลจำหน่าย หาซื้อได้ง่าย สะดวกสบายมากๆ ค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : ถึงแม้ว่าฟ้าทะลายโจรจะช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ แต่การกินฟ้าทะลายโจรก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ด้วย เช่น ทำให้เบื่ออาหาร ท้องเสีย มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีผื่นขึ้นตามร่างกาย รู้สึกเมื่อยล้าตามร่างกาย และถ้าใช้ในปริมาณมากและใช้อย่างยาวนานจะทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต เอนไซม์ในตับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความดันโลหิตต่ำ หรือเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยก่อนบริโภคฟ้าทะลายโจรนะคะ
6. หญ้าใต้ใบ
หญ้าใต้ใบเป็นสมุนไพรพื้นบ้านชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นต้นเล็กๆ มีรสชาติขมเย็น จัดเป็นสมุนไพรแก้หวัดคัดจมูกอีกชนิดหนึ่ง โดยการนำเอาต้นสดประมาณ 3 ต้นมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อนสั้นๆ แล้วนำเอาไปต้มกับน้ำเปล่า 1 ลิตรจนเดือด กรองด้วยผ้าขาวบางและนำเอาแต่น้ำมาดื่ม โดยดื่มก่อนอาหารครั้งละ 1 แก้ว เป็นเวลาเช้า – เย็น จะช่วยแก้อาการไข้หวัดคัดจมูกได้ และยังช่วยให้น้ำมูกแห้งอีกด้วย
7. กระเทียม
สมุนไพรคู่ครัวที่นำเอามาทำอาหารอย่างกระเทียมนี่แหละค่ะเป็นสมุนไพรแก้หวัดคัดจมูกชั้นดี เชื้อกันว่ามีคุณสมบัติต้านไวรัสและแบคทีเรีย อุดมไปด้วยสารหลากชนิดที่อาจช่วยรักษาหวัดได้ เช่น อาร์จีนีน โอลิโกแซ็คคาไรด์ ฟลาโวนอยด์ ซีลีเนียม และอัลลิซิน สามารถกินสดพร้อมมื้ออาหารได้เลย จะช่วยบรรเทาอาการหวัดได้เป็นอย่างดี หรือถ้าใครไม่สามารถกินเป็นกลีบสดๆ ได้ จะเอากระเทียมกลีบเล็กๆ มาหั่นเป็นชิ้นบางๆ แล้วบี้ให้แตก นำไปผสมน้ำร้อน 1 ถ้วย และเติมน้ำผึ้งมะนาวลงไปเพื่อช่วยให้รสกลมกล่อมมากขึ้น ดื่มติดต่อกัน 2 – 3 วัน ก็จะช่วยบรรเทาอาการหวัดได้เช่นกันค่ะ
8. เปปเปอร์มินต์
เปปเปอร์มินต์มีกลิ่นหอมเย็นสดชื่น ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้ดี ทำให้หายใจโล่งขึ้นด้วย เนื่องจากเมนทอลที่อยู่ในใบเปปเปอร์มินต์นั้นมีฤทธิ์เป็นยาบรรเทาอาการคัดจมูกตามธรรมชาติ จะเอาใบเปปเปอร์มินต์มาต้มกับน้ำร้อนแล้วสูดดมไอเข้าไปเพื่อบรรเทาอาการคัดจมูก หรือดื่มเป็นชาเปปเปอร์มินต์ระหว่างวันก็ได้เช่นกัน
9. ใบไทม์
ไทม์เป็นสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีสรรพคุณทางยาสูง สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดี เราสามารถดื่มชาใบไทม์เพื่อบรรเทาอาการหวัดได้เช่นกัน โดยการนำเอาใบไทม์สด 1 ช้อนโต๊ะมาสับละเอียด และแช่ในน้ำร้อน 1 แก้ว เป็นเวลา 10 – 20 นาที โดยระหว่างแช่นั้นให้ปิดฝาแก้วด้วย เมื่อครบเวลากรองเอาใบไทม์ออก จากนั้นเติมน้ำผึ้งลงไป ดื่มเพื่อบรรเทาอาการหวัดได้ดีทีเดียวค่ะ
10. ขมิ้น
ขมิ้นก็ใช้เป็นสมุนไพรแก้หวัดได้ ขมิ้นมีสรรพคุณรักษาโรคได้มากมาย รวมถึงช่วยบรรเทาอาการเป็นหวัดน้ำมูกไหล เนื่องจากในขมิ้นมีสารต้านอนุมูลอิสระหลากชนิด ช่วยต้านการอักเสบในร่างกาย และยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ต้านไวรัสหวัดได้อีกด้วย นำขมิ้นผง ½ ช้อนชาผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว ดื่มวันละ 2 – 3 ครั้ง หรือจะผสมผงขมิ้นกับนมสดแล้วดื่มก่อนนอน ก็จะช่วยลดน้ำมูกได้ดี แล้วก็ช่วยลดอาการเจ็บคอได้ด้วยค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : นอกจากการใช้สมุนไพรแก้หวัดคัดจมูกแล้ว ควรดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเพื่อให้หายจากอาการหวัดโดยเร็ว โดยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำเปล่า เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค อยู่ห่างไดลจากบริเวณที่มีควันบุหรี่ เพราะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อช่องจมูก รวมถึงไม่ควรสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้เกิดแรงดันย้อนกลับ ทำให้เชื้อไวรัสขึ้นไปตามโพรงจมูกได้ รวมถึงการกินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อบำรุงร่างกายและนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ อาการป่วยจะได้ทุเลาลงในเร็ววันนะคะ
การใช้สมุนไพรแก้หวัดเป็นการใช้อาหารเป็นยา ถือเป็นความรู้พื้นบ้านดั้งเดิมที่มีมานาน และสมุนไพรบางชนิดก็มีฤทธิ์บำรุงกำลัง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้นก็ควรไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ เพื่อที่จะได้ทำการรักษาอย่างเหมาะสมอย่างต่อไป และถ้าหากมีอาการไอ ก็ไม่ควรกินอาหารที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการไอมากขึ้น (อ่านเพิ่มเติม ไอ ห้ามกินอะไรบ้าง) จะได้หายป่วยเร็วๆ นะคะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : webportal.bangkok.go.th, aimsindia.com, onlymyhealth.com, farmanddairy.com
Featured Image Credit : vecteezy.com/aymansafan995
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ