“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ผื่นกุหลาบ คือ อะไร ? ชวนรู้จักโรคผิวหนังชื่อสวย มีโอกาสเป็นได้ ถ้าร่างกายอ่อนแอ
โรคทางผิวหนัง เช่น ผดผื่นคัน เป็นอาการที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย หากเป็นเด็กเล็กก็จะเป็นผดผื่นคันบ่อยเพราะร่างกายยังมีภูมิคุ้มกันไม่มากพอ เช่น ผิวหนังอักเสบ ผื่นแพ้ หรือเป็นโรค 4s คือโรคทางผิวหนังชนิดหนึ่งที่ผู้ปกครองควรระวัง ถ้าหากเป็นเด็กโตหรือเป็นผู้ใหญ่ก็อาจจะมีอาการแพ้แมลง แพ้ฝุ่น แพ้อากาศ หรือได้รับเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสบางชนิดที่ทำให้เกิดผื่นได้ ซึ่ง ผื่นกุหลาบ คือ โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในเด็กโตจนถึงวัยผู้ใหญ่ โรคนี้มีอาการอย่างไร ต้องรักษายังไง มีวิธีการดูแลตัวเองยังไงบ้าง ในบทความนี้ เพื่อสุขภาพจะพาไปรู้จักให้มากขึ้นกันค่ะ
ผื่นกุหลาบ คือ อะไร ? เป็นแบบไหน ? มารู้จักให้มากขึ้นกัน
โรคผื่นกุหลาบ/ผื่นกลีบกุหลาบ/ผื่นขุยกุหลาบ/โรคผื่นร้อยวัน หรือ Pityriasis Rosea เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสบางชนิด พบได้บ่อยในช่วงอายุ 10 – 35 ปี ซึ่งเป็นโรคไม่ติดต่อ ไม่สามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นโดยการสัมผัส และไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่เป็นโรคที่สร้างความรำคาญให้กับผู้ที่เป็น เพราะจะมีผื่นขึ้นทั่วร่างกาย ทั้งในบริเวณหน้าอก หน้าท้อง แผ่นหลัง ต้นแขน ต้นขา คอ และมีอาการคันร่วมด้วย สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคนี้แล้ว มักจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
เจาะลึกผื่นกุหลาบ อาการเป็นยังไง สังเกตได้ยังไงบ้าง ?
โดยทั่วไปแล้ว ลักษณะของผื่นกุหลาบ คือ ผื่นที่เป็นวงกว้างสีชมพู หรือเป็นจุดรูปไข่ขึ้นตามบริเวณต่างๆ และอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดตามข้อ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร เป็นต้น สามารถแบ่งอาการผื่นออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้
- ระยะที่ 1 : ผื่นกุหลาบ อาการระยะแรกคือ จะมีผื่นรูปวงรีสีชมพูหรือสีแดงขนาดใหญ่ อาจมีขอบยกเล็กน้อย ตรงกลางจะมีสีจางกว่ารอบๆ มีขุยละเอียดสีขาวรอบผื่น ซึ่งจะเรียกผื่นในระยะแรกว่า ผื่นแจ้งข่าวหรือผื่นแจ้งโรค (Herald Patch) ขนาดประมาณ 2 – 4 เซนติเมตร ส่วนใหญ่จะเป็นในบริเวณลำตัวใต้ร่มผ้า เช่น ท้อง หน้าอก คอ หลัง เป็นต้น
- ระยะที่ 2 : หลังจากเกิดผื่นในระยะที่ 1 ประมาณไม่เกิน 2 สัปดาห์ก็จะเกิดผื่นในระยะที่สองขึ้น ซึ่งผื่นกุหลาบ อาการระยะนี้ จะมีลักษณะผื่นคล้ายกัน แต่มีขนาดเล็กกว่า และจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยผื่นจะขึ้นกระจายตามลำตัว แผ่นหลัง ต้นแขน ต้นขา และขึ้นตามข้อพับของร่างกาย หากมองบริเวณลำตัวหรือแผ่นหลัง รอยของผื่นจะดูคล้ายกับต้นคริสต์มาส (Christmas Tree Distribution) ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญที่ทำให้วินิจฉัยว่าเป็นผื่นกุหลาบได้ ทั้งนี้ อาการผื่นทั้ง 2 ระยะจะเป็นอยู่ประมาณ 2 – 12 สัปดาห์ แต่ในบางคนอาจมีอาการคงอยู่นานถึง 5 เดือน และจะหายไปเอง
เกร็ดสุขภาพ : หากสงสัยว่าตนเองเป็นผื่นกุหลาบ ให้รีบมาพบแพทย์โดยเร็ว ถ้าหากรักษาอย่างไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดอาการคันอย่างรุนแรง และอาจมีจุดสีน้ำตาลเกิดขึ้นได้หลังจากผื่นหายดีแล้ว ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นโรคผื่นกุหลาบ คือผู้ที่มีโอกาสจะเป็นโรคภูมิแพ้ โรคเซ็บเดิร์ม เป็นสิว และรังแคได้มากกว่าคนทั่วไป ทั้งยังพบว่า อาการผื่นคันมักจะกำเริบมากขึ้นในผู้ที่มีความเครียดสูงอีกด้วย
ขั้นตอนวินิจฉัยผื่นกลีบกุหลาบ ทำได้อย่างไรบ้าง ?
การวินิจฉัยผื่นกุหลาบนั้น ในเบื้องต้น แพทย์จะตรวจดูผิวหนังบริเวณที่มีความผิดปกติ หากยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ จะมีกระบวนการดังต่อไปนี้
- แพทย์จะทำการเก็บเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นผื่นแล้วนำไปส่องกล้องจุลทรรศน์เพื่อตรวจหาเชื้อรา เนื่องจากคนไข้บางรายอาจเป็นโรคผิวหนังชนิดอื่นที่มีอาการค้ายคลึงกับโรคผื่นกุหลาบได้
- ทำการตรวจเลือด เพื่อตรวจหาเชื้อซิฟิลิส ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มโรค STDs คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง ที่ทำให้เกิดแผลหรือมีผื่นตามร่างกายคล้ายผื่นกุหลาบได้
- มีการตัดตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจในห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เพื่อดูการติดเชื้ออื่นๆ
วิธีการรักษาผื่นกุหลาบ ทำได้อย่างไร
ผื่นกุหลาบ คือผื่นที่สามารถหายได้เองภายใน 6 – 8 สัปดาห์ จึงมีวิธีรักษาแบบประคับประคองตามอาการเป็นส่วนใหญ่ ด้วยการรับประทานยาแก้แพ้กลุ่ม Antihistamine เพื่อลดอาการคัน หรือรับประทานยาปฏิชีวนะและยาต้านไวรัส ร่วมกับการใช้ครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และใช้ยาทาในกลุ่มสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบของผิวหนัง หรือใช้ยารักษาการติดเชื้อรา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการคันรุนแรง อาจต้องรักษาด้วยวิธีการฉายแสง UVB เพื่อช่วยให้อาการของโรคทุเลาลง
คำแนะนำในการดูแลตัวเองสำหรับผู้ที่เป็นโรคผื่นกุหลาบ
แม้ผื่นกุหลาบ คือโรคที่สามารถหายได้เอง แต่การดูแลตัวเองก็จะทำให้อาการคันทุเลาลงได้ รวมถึงเรื่องอาหารการกิน ผื่นกุหลาบ ห้ามกินอะไรบ้าง มีข้อห้ามไหม มาดูกันเลยค่ะ
- ผู้ที่เป็นผื่นกุหลาบ ห้ามกินอะไรที่เป็นอาหารแปรรูปหรือของหมักดอง ซึ่งทำให้ก่ออนุมูลอิสระในร่างกาย และทำให้ร่างกายอักเสบ เกิดอาการแพ้ได้ รวมถึงอาหารทะเล เนื่องจากมีสารฮิสตามีนสูง โดยเฉพาะกุ้ง กั้ง ปู เพราะสารชนิดนี้เป็นสารก่ออาการแพ้ได้เช่นกัน ทั้งนี้ ผู้ที่มีผื่นแพ้หรือมีอาการผิวหนังอักเสบต่างๆ ก็ไม่ควรกินอาหารเหล่านี้ด้วย
- อาบน้ำด้วยอุณหภูมิปกติ หรืออาบน้ำเย็น ไม่ควรอาบน้ำอุ่นหรืออาบน้ำร้อนจัด เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้นและมีอาการคันมากขึ้น
- เลือกใช้สบู่ที่มีความอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง
- ทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่นชื้นให้กับร่างกายทุกครั้งหลังอาบน้ำ
- หลีกเลี่ยงการทำให้เหงื่อออก เช่น การอยู่ในสภาพอากาศร้อน หรือเล่นกีฬา เพราะการมีเหงื่อออกมากอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้
- งดการเกาแรงๆ ในบริเวณที่คัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อนจากการเกา
- บริหารจัดการอารมณ์ของตัวเอง ไม่เครียดมากเกินไป เพราะจะทำให้ภูมิคุ้มกันตกและป่วยง่าย และทำให้อาการของโรคกำเริบขึ้นได้ด้วย
เกร็ดสุขภาพ : ผื่นกลีบกุหลาบ คือโรคที่พบได้ตลอดทั้งปี ส่วนใหญ่จะพบได้บ่อยในช่วงฤดูหนาวและฤดูฝน เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง และถ้าใครเป็นคนที่ผิวแห้งอยู่แล้วก็จะมีอาการคันมากขึ้น รวมถึงผู้ที่มีความเครียด ก็ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงได้เช่นกัน ซึ่งส่งผลทำให้เกิดโรคผื่นกุหลาบและมีอาการคันอย่างรุนแรงได้
ผื่นกุหลาบ คือโรคทางผิวหนังชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้บ่อยในคนที่อายุ 10 – 35 ปี ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ถ้าหากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำลง ไม่ว่าจะเกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนทำให้เกิดความเจ็บป่วย หรือเกิดจากความเครียด ก็ทำให้มีโอกาสเป็นโรคผื่นกุหลาบได้ แม้จะเป็นโรคที่ไม่รุนแรง สามารถหายได้เอง แต่ถ้าหากมีอาการผื่นขึ้นตามร่างกาย ก้ควรไปพบแพทย์ เพราะจะได้วินิจฉัยอย่างถูกต้อง และรู้วิธีดูแลตัวเอง เช่น กินอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกัน รู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร ผื่นกุหลาบ ห้ามกินอะไร เพื่อที่อาการจะได้ทุเลาลง หากดูแลตัวเองให้ดี อาการก็จะดีขึ้นและไม่รุนแรงค่ะ
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ