“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
แพ้ผ้าอนามัย คัน แสบ เป็นผื่น ต้องแก้ยังไง ? เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
ปัญหาของผู้หญิงหลายคนเวลาวันนั้นของเดือนมาถึง นอกจากเวลามีประจำเดือน ท้องเสียแล้วนั้น ยังมีปัญหาอื่นๆ ที่ต้องเจออีกด้วย เช่น แพ้ผ้าอนามัย แสบ คัน หรือเป็นผื่น เพราะการสวมผ้าอนามัยในบางครั้งอาจทำให้เกิดผื่นแพ้ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการคัน บวม และแดงได้ ซึ่งผื่นอาจเป็นผลมาจากการระคายเคืองจากสิ่งที่ทำมาจากแผ่นผ้าอนามัย หรือเกิดจากความชื้นและความร้อนที่ส่งผลต่อการสะสมของแบคทีเรีย สาวๆ ที่มีปัญหา แพ้ผ้าอนามัย คัน จุดซ่อนเร้นนั้น บทความนี้มีวิธีการรักษาและการป้องกันจากอาการเหล่านี้กันค่ะ
แพ้ผ้าอนามัย คัน แสบ สาเหตุเกิดจากอะไร ? แก้ไขได้อย่างไรบ้าง ?
สาเหตุของการแพ้ผ้าอนามัย คัน แสบ นั้น เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน มาดูกันว่ามีสาเหตุหลักๆ อะไรบ้าง ที่สาวๆ ต้องเจอ
1. โรคติดต่อผิวหนังอักเสบ
ผื่นแพ้จากแผ่นผ้าอนามันส่วนใหญ่เป็นผลมาจากโรคติดต่อผิวหนังอักเสบ เมื่อผิวของคุณสัมผัสกับสิ่งที่ระคายเคืองในผ้าอนามัยที่ใช้ โดยทั่วไปแล้วแผ่นรองผ้าอนามัยจะทำจากวัสดุที่แตกต่างกันหลายชั้น วัสดุแต่ละชนิดสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้ นอกจากนี้แล้ว ผ้าอนามัยบางประเภทอาจเพิ่มน้ำหอมลงในแผ่นรอง และผิวของผู้หญิงบางคนอาจมีความไวต่อสารเคมีที่ใช้ในการให้กลิ่นหอมได้เช่นกัน จึงทำให้เกิดอาการแพ้ผ้าอนามัย แสบและคันได้
2. การเสียดสี
นอกจากการแพ้ผ้าอนามัย คันจุดซ่อนเร้นที่เกิดจากส่วนประกอบของผ้าอนามัยแล้ว การเสียดสีจากการสวมผ้าอนามัยก็มีโอกาสทำให้เกิดการระคายเคืองผิวที่บอบบาง และทำให้เกิดผื่นขึ้นได้ เช่น การเดิน การวิ่ง และการออกกำลังกายรูปแบบอื่นๆ อาจทำให้ผ้าอนามัยเคลื่อนไปข้างหน้าและข้างหลังและทำให้เกิดผื่นเสียดสีบริเวณช่องคลอดได้นั่นเอง
3. ความร้อนและความชื้น
จุดประสงค์ของผ้าอนามัยคือเพื่อซับของเหลวอย่างประจำเดือนเมื่อออกจากช่องคลอด ความชื้นและความร้อนที่ถูกกักเก็บอาจทำให้ช่องคลอดระคายเคืองและทำให้เกิดผื่นขึ้นได้ ซึ่งรวมถึง เหงื่อ ปัสสาวะ กางเกงชั้นในไนลอนที่ไม่ระบายเหงื่อ และการเปลี่ยนแผ่นผ้าอนามัยไม่บ่อยนัก เพราะฉะนั้น จึงควรเปลี่ยนผ้าอนามัยเป็นประจำตลอดทั้งวัน หรือเปลี่ยนทุกๆ 3-4 ชั่วโมง เพราะการปล่อยให้เลือดประจำเดือนเต็มและผ้าอนามัยยังคงอยู่กับช่องคลอดอาจทำให้เกิดผื่นขึ้นได้ นอกจากนี้การเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ยังช่วยหลีกเลี่ยงกลิ่นจากการเติบโตของแบคทีเรียได้อีกด้วย
เกร็ดสุขภาพ : สาเหตุของผื่นและการระคายเคืองที่เกิดจากภูมิแพ้นั้นอาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็มักเกิดขึ้นได้ยาก หากว่าคุณเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่ายและพบว่าตนเองมีปฏิกิริยากับผ้าอนามัยบางประเภทเนื่องจากวัสดุของแผ่นรอง จึงทำให้เกิดอาการแพ้ผ้าอนามัย คันจุดซ่อนเร้นได้นั้น กรณีนี้การเปลี่ยนยี่ห้อของผ้าอนามัยอาจช่วยป้องกันผื่นคันในอนาคตได้ค่ะ
การรักษาและป้องกันอาการแพ้ผ้าอนามัย คัน เป็นผื่น ระคายเคือง
การรักษาผดผื่นและอาการคันจากการแพ้ผ้าอนามัยนั้น จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง มาดูวิธีการรักษาพร้อมวิธีการป้องกัน ดังนี้
1. เปลี่ยนผ้าอนามัยที่ใช้อยู่
หากเกิดจากโรคผิวหนังอักเสบแนะนำให้ลองใช้ผ้าอนามัยยี่ห้ออื่น หรือลองพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น ผ้าอนามัยแบบสอด หรือถ้วยสำหรับใส่ประจำเดือน ที่สามารถดูดซับเลือดประจำเดือนได้โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อลดผื่นแพ้ผ้าอนามัย แสบและคันจุดซ่อนเร้นได้ เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางง่ายเป็นพิเศษ
2. หลีกเลี่ยงน้ำหอม
ใช้ผ้าอนามัยที่ไม่มีกลิ่น เพราะแผ่นหอมอาจทำให้เกิดปฏิกิริยากับอวัยวะเพศของคุณได้อย่างง่ายดาย ลองเลือกผ้าอนามัยที่ทำจากใยธรรมชาติทั้งหมดที่ไม่มีสีย้อมหรือกาวที่ระคายเคือง และปราศจากน้ำหอม อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผิวบางประเภท และช่วยป้องกันผื่นในอนาคต
3. ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ เพื่อลดการเสียดสี
เสื้อผ้าคับและกางเกงในคับอาจทำให้บริเวณอวัยวะเพศของคุณเกิดความอับชื้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณมีผ้าอนามัยอยู่ด้วย ลองสวมชุดชั้นในและกางเกงหลวมๆ หรือกระโปรงหรือชุดเดรสก็ได้ เพื่อช่วยลดการเสียดสี และเพื่อป้องกันการติดเชื้อรา นอกจากนี้สามารถทาครีมต้านเชื้อราก่อนเริ่มมีประจำเดือนได้ด้วยค่ะ
4. เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้น
บางทีการแพ้ผ้าอนามัย คันบ่อยๆ นั้น เพราะคุณอาจไม่ได้เปลี่ยนผ้าอนามัยเพียงพอ ซึ่งอาจนำไปสู่ผื่นได้ง่าย ลองเปลี่ยนผ้าอนามัยให้บ่อยขึ้นตลอดทั้งวัน แม้ว่าประจำเดือนเป็นสีดำที่บ่งบอกว่าประจำเดือนใกล้สิ้นสุดช่วงเวลาก็ตาม ก็ควรต้องเปลี่ยนผ้าอนามัย อาจเปลี่ยนมาใช้แผ่นที่บางลงถ้าเป็นไปได้ เพื่อให้คุณรู้เปลี่ยนเร็วขึ้นกว่าการใส่แผ่นที่ใหญ่กว่าที่ดูดซับได้มากกว่า
5. ลดอาการระคายเคือง
หากพบว่ามีผื่นขึ้นจากผ้าอนามัย วิธีแก้ปัญหาที่ดีคือโลชั่นคาลาไมน์ ซึ่งค่อนข้างมีประสิทธิภาพและช่วยให้บริเวณที่ติดเชื้อเย็นลง หรือทาน้ำมันมะพร้าวในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ แต่หากยังคงมีอาการเจ็บและระคายเคือง แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนัง
6. ใช้ยาตามแพทย์สั่ง
การรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส สามารถใช้ยาแก้แพ้ ครีมสเตียรอยด์ ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ กับบริเวณช่องคลอดด้านนอก แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทาครีมหรือใช้ครีมเฉพาะที่บริเวณจุดซ่อนเร้น นอกจากนี้เพื่อบรรเทาการระคายเคือง สามารถใช้การประคบเย็นได้ และการรักษาพื้นที่บริเวณนั้นให้สะอาดจะสามารถป้องกันไม่ให้ผื่นแย่ลงได้ค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : หากคุณสังเกตเห็นผื่นและเริ่มรักษา มันควรจะหายไปภายใน 2 ถึง 3 วัน แต่หากอาการไม่หายไปแม้ว่าคุณจะกำลังรักษาอยู่ หรือมีอาการแย่ลง ให้ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจหมายถึงอาการอื่นๆ ที่มากกว่า เช่น โรคผิวหนังอักเสบที่อาจนำไปสู่ผื่นลุกลาม หรือผิวแดง บวม ไหม้ หรือรู้สึกคันมากเป็นพิเศษ
ผิวหนังของเราสามารถทำปฏิกิริยากับวัสดุในแผ่นผ้าอนามัยได้ และส่งผลให้เกิดอาการแพ้ผ้าอนามัย คัน มีผดผื่น ซึ่งการเสียดสี มีความชื้นมากเกินไป หรือไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องคลอดได้นั่นเองค่ะ คราวนี้สาวๆ ก็ได้รู้ถึงสาเหตุ วิธีรักษา และการป้องกันกันไปแล้วนะคะ ซึ่งผู้หญิงเมื่อมีประจำเดือนก็มีหลายเรื่องที่ต้องเรียนรู้และระมัดระวัง รวมถึงไข้ทับระดู ห้ามกินอะไรด้วยเช่นกัน เพื่อให้วันนั้นของเดือนผ่านไปได้อย่างสบายกายสบายใจค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : medicalnewstoday.com
Featured Image Credit : freepik.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ