“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ชวนรู้ น้ำลายเปรี้ยว วิธีแก้ ทำยังไง มารู้จักอาการยอดฮิตในมนุษย์ทำงานกัน !
น้ำลายเปรี้ยว หรือที่เรียกว่า กรดไหลย้อน เป็นอาการที่เกิดจากการที่กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมายังหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการเจ็บรู้สึกแสบร้อนบริเวณหน้าอก คอ หรือลิ้น มีรสเปรี้ยวในปาก เป็นอีกหนึ่งโรคยอดฮิตของมนุษย์ทำงาน ในบทความนี้ เพื่อสุขภาพก็เลยจะพาไปเข้าใจเกี่ยวกับอาการน้ำลายเปรี้ยว ไปดูกันว่าจะมีวิธีแก้อาการเปรี้ยวในปากได้ยังไงกันบ้าง ?
น้ำลายเปรี้ยว วิธีแก้ ทำยังไง ? มาทำความรู้จักวิธีแก้อาการเปรี้ยวในปากกัน !
อาการเจ็บแน่นหน้าอก กลืนลำบาก อยากจะอาเจียน เสียงแหบ ไอเรื้อรัง หอบหืด ปวดหู ไซนัสอักเสบ ใครจะไปรู้ว่านี่อาจเป็นอาการของโรคกรดไหลย้อนที่ทำให้เกิดอาการน้ำลายเปรี้ยวในปากขึ้นมาก็ได้ เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักวิธีแก้อาการเปรี้ยวในปาก และรู้จักอาการนี้ พร้อมวิธีแก้ให้มากขึ้นกัน
เกร็ดสุขภาพ : โรคกรดไหลย้อนสามารถเกิดได้ในทุกช่วงวัย แต่มักพบได้บ่อยในกลุ่มผู้ใหญ่และผู้สูงอายุมากกว่าวัยเด็ก แต่จากการศึกษาต่างๆ พบว่า
– อายุเฉลี่ยของผู้ป่วยกรดไหลย้อนอยู่ที่ประมาณ 40-60 ปี
– สัดส่วนผู้ป่วยกรดไหลย้อนในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (อายุ 20-40 ปี) ประมาณ 20-30%
– สัดส่วนในวัยกลางคน (41-60 ปี) สูงถึง 30-40%
– ในผู้สูงอายุ (มากกว่า 60 ปี) พบกรดไหลย้อนได้ประมาณ 10-20%
อย่างไรก็ตาม โรคนี้พบได้ในทุกช่วงวัย รวมทั้งในเด็กและทารกด้วย โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น น้ำหนักเกิน พฤติกรรมการกิน การสูบบุหรี่ การใช้ยาบางชนิด ฯลฯ ดังนั้นการป้องกัน และรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะช่วยลดอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาวได้
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการน้ำลายเปรี้ยวหรือกรดไหลย้อน มีอะไรบ้าง
- กล้ามเนื้อหูรูดกระเพาะอาหาร (Lower Esophageal Sphincter) หย่อนสมรรถภาพ ทำให้เปิดโอกาสให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมายังหลอดอาหารได้ง่าย
- มีก้อนอาหารหรือลมในกระเพาะอาหารมากเกินไป ส่งผลให้แรงดันในกระเพาะสูงขึ้น กรดจึงไหลย้อนขึ้นมาได้
- อ้วน ทำให้มีแรงดันบริเวณช่องท้องและกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น กดทับกระเพาะจนกรดไหลย้อน
- การตั้งครรภ์ ทำให้กระเพาะอาหารถูกกดทับจากมดลูกที่โตขึ้น รวมทั้งฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์ส่งผลต่อกล้ามเนื้อหูรูด
- รับประทานอาหารบางชนิด เช่น อาหารมัน เครื่องดื่มผสมคาเฟอีน แอลกอฮอล์ อาหารรสเผ็ด เป็นต้น
- สูบบุหรี่ ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดกระเพาะหย่อนสมรรถภาพและหดตัวได้ไม่ดี
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด เป็นต้น
โดยสรุปแล้ว สาเหตุหลักมาจากการทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดกระเพาะ ปัจจัยจากพฤติกรรมการกิน การอ้วน และภาวะอื่นๆ ที่เพิ่มแรงดันในช่องท้อง ส่งผลให้กรดไหลย้อนขึ้นจากกระเพาะอาหารได้ง่าย
อาการของโรคกรดไหลย้อน มีอะไรบ้าง ?
อาการของกรดไหลย้อน หรือน้ำลายเปรี้ยว มีดังนี้
- รู้สึกแสบร้อนบริเวณหน้าอก ลิ้นปี่ หรือคอ ซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด เนื่องจากกรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมา
- รสเปรี้ยวหรือขมในปาก เป็นผลมาจากกรดที่ไหลย้อนสู่หลอดอาหารส่วนล่าง
- ไอบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังรับประทาน เนื่องจากมีกรดไหลย้อนมาระคายเคืองหลอดลม
- เจ็บหรือรู้สึกไม่สบายบริเวณหน้าอก คล้ายอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจ แต่อาการจะทุเลาลงหลังจากอาเจียน
- อาเจียน โดยเฉพาะอาเจียนของเปรี้ยวหรือมีกลิ่นกรดในท้องเป็นประจำ
- คอแห้ง เสียงแหบ หรือเจ็บคอเรื้อรัง จากการที่กรดไหลย้อนมาระคายเคืองคอ
- ท้องอืด ปวดท้อง หรือรู้สึกเหมือนอาหารไม่ย่อย
- นอนไม่หลับ หรือนอนไม่สนิท เนื่องจากอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกหรือลิ้นปี่รบกวน
- อาการบวมแดงที่บริเวณคอและริมฝีปาก จากการระคายเคืองของกรด
ดังนั้นหากมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยๆ หรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงภาวะสุขภาพที่รุนแรงกว่ากรดไหลย้อนก็เป็นได้เหมือนกัน
น้ําลายเปรี้ยว วิธีแก้ มีอะไรบ้าง ?
มีหลายวิธีในการบรรเทา และรักษาอาการน้ำลายเปรี้ยว เราลองมาดูวิธีแก้อาการกรดไหลย้อนกันค่ะ
- ปรับพฤติกรรมการรับประทาน หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดกรดมาก เช่น อาหารมัน เผ็ด เครื่องดื่มผสมคาเฟอีน แอลกอฮอล์ เป็นต้น
- รับประทานอาหารเป็นมื้อเล็กๆ แต่บ่อยๆ ไม่กินให้อิ่มจนเกินไป
- หลีกเลี่ยงการนอนราบทันทีหลังรับประทาน รอให้กระเพาะย่อยอาหารก่อน
- ควบคุมน้ำหนัก ลดน้ำหนักหากอ้วน เพื่อลดแรงกดทับบริเวณกระเพาะอาหาร
- เลิกสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดกระเพาะอ่อนแรงลง
- รับประทานยาลดกรด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาสังเคราะห์ที่ยับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะ
- ปรับสภาพแวดล้อมการนอน เช่น นอนหมอนสูง หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่คับจนเกินไป
- รักษาด้วยการผ่าตัด ในกรณีที่รุนแรงมาก เช่น ผ่าตัดตัดกล้ามเนื้อเพื่อป้องกันการไหลย้อน
- ใช้สมุนไพร เช่น ขิง พริกไทย สาหร่ายสไปรูลิน่า ขมิ้นชัน ช่วยลดกรด และบรรเทาอาการนำลายเปรี้ยว
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยระบบย่อยอาหารและควบคุมน้ำหนัก
วิธีเหล่านี้จะช่วยให้อาการน้ำลายเปรี้ยวดีขึ้น แต่ก็แนะนำว่าต้องควบคุมสาเหตุต้นตอและปรับพฤติกรรมที่เป็นตัวกระตุ้นด้วยนะคะ
วิธีแก้อาการเปรี้ยวในปาก มีวิธีไหนน่าสนใจ และได้ผลบ้าง ?
มีหลายวิธีที่สามารถช่วยบรรเทา และแก้อาการเปรี้ยวในปาก หรือน้ำลายเปรี้ยว ดังนี้
- รับประทานยาลดกรด เช่น ยามาลอกซ์ ยาแรนนิดีน เป็นต้น เพื่อช่วยป้องกันและลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
- รับประทานยายับยั้งการหลั่งกรด เช่น โอเมพราโซล เพนโทพราโซล ซึ่งจะยับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะโดยตรง
- งดอาหาร และเครื่องดื่มที่กระตุ้นให้เกิดกรด เช่น อาหารมัน อาหารเผ็ด กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา น้ำอัดลม
- กินอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการเปรี้ยว เช่น นม โยเกิร์ต ข้าวโอ๊ต วุ้นเส้น สมุนไพรต้านอักเสบ เช่น ขิง มะนาว
- หลีกเลี่ยงการนอนราบทันทีหลังรับประทาน รอให้อาหารย่อยก่อนเป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
- นอนหมอนสูง ช่วยให้กระเพาะอยู่ต่ำกว่าหลอดอาหาร ลดการไหลย้อนของกรด
- ลดน้ำหนัก หากมีน้ำหนักเกิน หรืออ้วน เพราะความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของอาการเปรี้ยว
- เลิกสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ทำให้หูรูดกระเพาะหย่อนและเสี่ยงกรดไหลย้อนขึ้นมา
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยให้ระบบย่อยดี และลดแรงกดทับบริเวณกระเพาะ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น หากรู้ว่ากรดไหลย้อนห้ามกินอะไรก็ให้หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น รวมถึงการใช้ยาและการรักษาตามความเหมาะสม จะช่วยบรรเทาและแก้ไขอาการน้ำลายเปรี้ยวได้ดี
เกร็ดสุขภาพ : มีหลายอาชีพที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกรดไหลย้อนสูง ได้แก่
1) พนักงานประจำเครื่องบิน เนื่องจากต้องทำงานในสภาวะความกดดันต่ำ ทำให้อาหารในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นสู่หลอดอาหารได้ง่าย
2) ผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์ รถบรรทุก เนื่องจากการนั่งเป็นเวลานาน ทำให้แรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น
3) ช่างก่อสร้าง คนงานก่อสร้าง เนื่องจากต้องทำงานหนักในท่าทางที่บีบคั้นช่องท้อง
4) พนักงานโรงงาน ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีควันพิษ ละอองสารเคมี ทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
5) พนักงานเสิร์ฟอาหาร พนักงานครัว ต้องสูดกลิ่นอาหารจัด ควันไฟ จนระคายเคืองกระเพาะ
6) คนทำงานกะดึก ผู้ที่นอนกลางวัน เพราะการนอนทันทีหลังรับประทานอาหารจะเพิ่มโอกาสอาหารไหลย้อน
ดังนั้นอาชีพที่ต้องต้องอยู่ในสภาวะที่ต้องสูดสารพิษ หรือสภาวะแวดล้อมที่กดดันต่ำ มักมีความเสี่ยงกรดไหลย้อนสูงกว่าอาชีพอื่นๆ ค่ะ
ทำไมการกินอาหารรสเปรี้ยวถึงเป็นวิธีแก้อาการเปรี้ยวในปาก ?
การกินอาหารรสเปรี้ยวอาจช่วยบรรเทาอาการเปรี้ยวในปากหรือน้ำลายเปรี้ยว ได้ด้วยกลไกดังนี้
- กระตุ้นการหลั่งน้ำลาย เพราะว่าอาหารรสเปรี้ยว เช่น มะนาว ส้ม ทำให้ต่อมน้ำลายหลั่งน้ำลายออกมามากขึ้น ซึ่งน้ำลายมีคุณสมบัติเป็นด่างช่วยกระตุ้นการย่อยและทำปฏิกิริยากับกรดในกระเพาะอาหาร จึงช่วยลดอาการเปรี้ยวได้
- ลดการหลั่งกรดในกระเพาะชั่วคราว เนื่องจากว่าเมื่อได้รับรสเปรี้ยวจากอาหาร ร่างกายจะตั้งรับโดยลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารลงชั่วคราว เพื่อไม่ให้มีกรดมากจนเกินไป จึงช่วยบรรเทาอาการเปรี้ยวได้ในระยะสั้นๆ
- ช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น เพราะรสเปรี้ยวจากอาหารบางชนิด เช่น มะนาว มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษและกรดส่วนเกินออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม การกินอาหารรสเปรี้ยวเป็นเพียงวิธีช่วยบรรเทาอาการชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุของปัญหา หากมีอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวิธีรักษาที่เหมาะสม
อาการน้ำลายเปรี้ยว นอกจากจะเกิดเพราะโรคกรดไหลย้อนแล้ว ยังเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ อีกมั้ย ?
คำตอบคือ มีความเป็นไปได้ที่อาการน้ำลายเปรี้ยวอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะต่างๆ ดังนี้
- โรคกระเพาะอาหาร เช่น กรดไหลย้อน, แผลในกระเพาะอาหาร การอักเสบของกระเพาะอาหาร
- ภาวะตับอักเสบ โรคตับแข็ง โรคนิ่ว เนื่องจากตับมีหน้าที่ขับสารพิษออกจากร่างกาย หากมีปัญหาสารพิษจะถูกขับออกทางน้ำลาย
- โรคเบาหวานชนิดที่ 1 การที่น้ำลายมีรสเปรี้ยวนั้น อาจเนื่องมาจากมีปริมาณน้ำตาลในร่างกายสูงมาก
- ภาวะขาดวิตามินบี 1 อาจทำให้เกิดอาการน้ำลายเปรี้ยวได้
- มีบางโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งตับอ่อน มะเร็งท่อน้ำดี อาจมีอาการน้ำลายเปรี้ยวร่วมด้วย
Featured Image Credit : vecteezy.com/munirsr
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ