“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
น้ำลายหวาน วิธีรักษา คืออะไร ? มารู้จักอาการนี้ พร้อมวิธีดูแลตัวเอง
รสชาติหวานเป็นหนึ่งในรสชาติพื้นฐานที่ปุ่มรับรสของลิ้นสามารถสัมผัสได้ ซึ่งปกติเราจะได้รสหวานจากการกินสิ่งที่มีน้ำตาลเท่านั้น แต่ในขณะที่บางคนกลับได้รับรสหวานจากน้ำลาย จนรู้สึกเหมือนมีรสหวานในปากแม้ว่าจะไม่ได้กินของหวานก็ตาม ซึ่งการกินอาหารที่มีน้ำตาลหรือมีรสหวานอาจทำให้รสหวานค้างอยู่ในปากได้ชั่วคราว แต่หากรสหวานที่ยังคงอยู่ในปากยาวนาน อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอาการที่ร้ายแรงกว่านั้น เรามารู้จักกับอาการที่เรียกว่าน้ำลายหวาน และ น้ำลายหวาน วิธีรักษา มีอะไรบ้างกันเลยดีกว่าค่ะ
รู้จัก น้ำลายหวาน วิธีรักษา การสังเกตุโรค และการดูแลตัวเอง
ก่อนจะไปรู้ถึงน้ำลายหวาน วิธีรักษามีอะไรบ้าง มารู้ถึงสาเหตุกันก่อนค่ะว่าเกิดจากอะไร การเกิดรสหวานในปากนั้นมีสาเหตุสำคัญหลายประการ และอาจบอกโรคได้ ดังนี้
1. โรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นสาเหตุหนึ่งของการมีรสหวานในปาก โรคเบาหวานส่งผลต่อความสามารถในการใช้อินซูลินของร่างกาย ซึ่งมีผลโดยตรงในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และโรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง จึงทำให้เกิดรสหวานในปาก และมักจะมาพร้อมกับอาการอื่นๆ ได้แก่ มองเห็นภาพซ้อน กระหายน้ำมาก ปัสสาวะมากเกินไป และมีอาการเหนื่อยมาก
2. ปัญหาการเผาผลาญอาหาร
เบาหวาน คีโตซีส หรือความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ รวมถึงความผิดปกติของระบบเมตาบอลิซึม ทั้งหมดนี้อาจส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการรับรส ทำให้เกิดรสหวานในปากได้
3. ปัญหาทางระบบประสาท
โรคหลอดเลือดสมอง โรคลมชัก หรือโรคลมบ้าหมู การมีรสหวานในปากอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของปัญหาทางระบบประสาทได้ เพราะไวรัสอาจโจมตีความสามารถของร่างกายในการดมกลิ่น และเกิดการหยุดชะงักของระบบการรับรสของร่างกาย จึงอาจส่งผลให้มีรสหวานในปาก นอกจากนี้อาจมีอาการอื่นๆ ด้วย เช่น ปวดท้ายทอย มึนหัว
4. การติดเชื้อ
จมูก และลำคอ อาจมีแบคทีเรียบางชนิด โดยเฉพาะซูโดโมแนส ซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียนั้นสามารถทำให้เกิดรสหวานในปากได้ เพราะการติดเชื้ออาจส่งผลต่อทางเดินหายใจ และขัดขวางการตอบสนองของสมองต่อการรับรส แม้แต่การติดเชื้อธรรมดาๆ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ หรือการติดเชื้อไซนัส ก็อาจทำให้น้ำลายมีกลูโคสอยู่ในนั้นมากขึ้น กลูโคสเป็นน้ำตาลชนิดหนึ่ง จึงอาจทำให้มีรสหวานในปากได้
5. โรคกรดไหลย้อน
คนที่เป็นโรคกรดไหลย้อน อาจมีน้ำลายหวานได้ เพราะกรดย่อยอาหารที่ไหลกลับเข้าไปในหลอดอาหารและปาก ทำให้เกิดรสหวานในปากได้
6. โรคมะเร็งปอด
มะเร็งปอดเป็นสาเหตุที่พบไม่บ่อยของการมีรสหวานในปาก แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะรสหวานเป็นสัญญาณเริ่มต้นของภาวะนี้ เนื่องจากเนื้องอกในปอดหรือทางเดินหายใจสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมนและส่งผลต่อการรับรส และน้ำลายหวาน วิธีรักษามีอะไรนั้น เดี๋ยวเราจะมาบอกกันในหัวข้อถัดไปนะคะ
เกร็ดสุขภาพ : การกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำอาจมีรสหวานคล้ายผลไม้ในปากได้ คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งเชื้อเพลิงทั่วไปในร่างกาย และการไม่มีคาร์โบไฮเดรตจะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันแทน กระบวนการนี้เรียกว่าคีโตซีส และทำให้คีโตนสร้างขึ้นในกระแสเลือด ทำให้เกิดรสหวานในปาก
ป้องกันรสหวานในปากได้อย่างไร ?
หากรสหวานในปากของคุณเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ก็มีโอกาสที่รสหวานจะหายไปเอง และการมีสุขภาพที่ดีอาจช่วยป้องกันปัญหานี้ได้ในอนาคต เช่น การกินผลไม้ ผัก และโปรตีนไร้มัน พยายามอย่ากินน้ำตาลมาก เพราะสิ่งเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคโดยเฉพาะโรคเบาหวานซึ่งเกี่ยวข้องกับรสหวานในปากได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากรสหวานในปากของคุณเกิดจากเงื่อนไขทางการแพทย์ที่แฝงอยู่ ก็จะสามารถทำการรักษาได้ตามสาเหตุที่เป็น
การรักษาอาการน้ำลายหวาน
น้ำลายหวาน วิธีรักษาจะแตกต่างกันไปตามโรคหรือเงื่อนไขของสาเหตุที่เป็น โดยแพทย์จะเป็นผู้ระบุสาเหตุของการมีรสหวานในปาก และกำหนดวิธีการรักษาที่เหมาะสม เพราะฉะนั้น หากอาการยังคงอยู่หลังจากผ่านไป 2-3 วัน คุณควรไปพบแพทย์ นอกจากนี้คุณยังสามารถดูแลตัวเองได้ ดังนี้
1. เปลี่ยนโภชนาการอาหาร
การลดการกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมาก และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล หรือน้ำอัดลม ให้น้อยลงนั้น จะช่วยลดภาระในระบบทางเดินอาหารและลดน้ำตาลในเลือดได้ ก็จะทำให้การมีรสหวานในปากลดน้อยลง
2. รักษาสุขอนามัยของช่องปาก
การแปรงฟันวันละสองครั้ง จะทำให้รสและกลิ่นจากช่องปากหายไป รวมถึงทำความสะอาดลิ้นเพื่อกำจัดแบคทีเรียที่มีแนวโน้มจะอาศัยอยู่ในรอยแยกของลิ้นได้ และยังสามารถใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์เพื่อลดแบคทีเรียในปากของคุณด้วยค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : การตั้งครรภ์เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นไปได้ของการมีรสหวานในปาก เพราะการตั้งครรภ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับฮอร์โมนและระบบย่อยอาหารของผู้หญิง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีผลต่อรสชาติและกลิ่น ในขณะเดียวกันอีกสาเหตุหนึ่งอาจเป็นโรคกรดไหลย้อนหรือเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้ ดังนั้น หากคุณที่กำลังตั้งครรภ์และมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับรสชาติในปากอย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์นะคะ
การที่ในปากสัมผัสกับรสหวานที่ไม่สามารถอธิบายได้ หากเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวมักจะไม่ทำให้เกิดความกังวลแต่อย่างใดค่ะ แต่หากในปากของคุณรู้สึกถึงความหวานที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือเป็นเวลานาน แนะนำให้ควรไปพบแพทย์ เพราะน้ำลายหวาน วิธีรักษาจะแตกต่างกันออกไปตามโรคที่คุณเป็น และการวินิจฉัยที่เหมาะสมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาภาวะต้นเหตุและหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงด้วยค่ะ นอกจากนี้คุณยังสามารถสังเกตจากอาการต่างๆ และสีอุจจาระ บอกโรคได้ด้วย ว่าคุณมีความเสี่ยงในการเป็นโรคอะไรได้บ้าง ยังไงก็ดูเเลสุขภาพกันนะคะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : blogchef.net, medicalnewstoday.com
Featured Image Credit : freepik.com/cookie_studio
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ