“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
น้ำลายหวาน เกิดจากอะไร ? เป็นสัญญาณของโรคอะไรหรือเปล่า ? ชวนเจาะลึกกัน !
โดยทั่วไปแล้ว ต่อมรับรสที่ลิ้นของเราจะสามารถรับรสจากอาหารได้ 4 รสคือ หวาน เค็ม เปรี้ยว และขม ซึ่งรสหวานเป็นหนึ่งในรสชาติพื้นฐานที่ต่อมรับรสของเราสามารถสัมผัสได้ โดยปกติแล้วเราจะสัมผัสถึงรสหวานจากการกินสิ่งที่มีน้ำตาลเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ของหวาน ขนม ผลไม้ และเครื่องดื่มต่างๆ แต่ถ้าหากได้รสหวานจากน้ำลายของตัวเอง หรือรู้สึกเหมือนมีรสหวานในปากอยู่เสมอแม้ว่าจะไม่ได้กินของหวานก็ตาม นั่นอาจเป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพบางอย่างได้ น้ำลายหวาน เกิดจากอะไร ? และบ่งบอกถึงภาวะสุขภาพของเราอย่างไรบ้าง ตาม เพื่อสุขภาพ มาอ่านกันในบทความนี้เลยค่ะ
น้ำลายหวาน เกิดจากอะไร ? ชวนดูสาเหตุ และวิธีแก้กัน !
น้ำลายเป็นของเหลวที่หลั่งจากต่อมน้ำลายในช่องปากของเรา ประกอบไปด้วยน้ำ 99.5% และเกลือแร่จำพวกโซเดียม โพแทสเซียม คลอไรด์ ไบคาร์บอเนตและฟอสเฟต ทำให้ในปากของเรามีความชุ่มชื้น ทั้งยังช่วยในการย่อยอาหาร เนื่องจากมีเอนไซม์อะไมเลส และไลเปสที่ช่วยอาหารจำพวกแป้งและไขมัน โดยปกติแล้วน้ำลายจะไม่มีรส แต่ทราบหรือไม่ว่า หากได้รสชาติของน้ำลายที่ผิดปกติไปจากเดิมนั้น อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพบางประการได้ อย่างเช่นการได้รสหวานจากน้ำลาย เป็นต้น น้ำลายหวาน เกิดจากอะไร ? อันตรายหรือไม่ มาเจาะลึกกันเลยค่ะ
ลองเช็กอาการ นอกจากรู้สึกน้ำลายมีรสหวานแล้ว ยังมีอาการอะไรที่เราสังเกตได้อีกบ้าง ?
อาการที่อาจพบร่วมกับการมีรสหวานในปาก ที่เราอาจใช้สังเกตตัวเองร่วมด้วย มีดังนี้
1. ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ
ผู้ป่วยมักมีความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือด โดยจะรู้สึกกระหายน้ำอย่างมาก ปัสสาวะบ่อยและปริมาณมาก น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ และรู้สึกหิวบ่อยกว่าปกติ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงความผิดปกติของระบบเมแทบอลิซึม โดยเฉพาะโรคเบาหวาน
2. อาการทางร่างกายและผิวหนัง
ร่างกายจะรู้สึกอ่อนเพลียอย่างต่อเนื่อง ผิวหนังจะแห้งกร้าน แผลที่เกิดขึ้นจะหายช้ากว่าปกติ มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย และอาจมีอาการคันตามผิวหนัง ซึ่งเป็นผลมาจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันและการไหลเวียนของเลือด
3. อาการทางประสาทและการรับรู้
ผู้ป่วยจะรู้สึกมึนงงอยู่เสมอ สมาธิลดลงอย่างชัดเจน สายตาพร่ามัวโดยไม่ทราบสาเหตุ เหนื่อยง่ายแม้ไม่ได้ทำกิจกรรมที่หนัก และรู้สึกอ่อนแรงตลอดเวลา ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทและการทำงานของสมอง
4. อาการในช่องปาก
นอกจากรสหวานที่ปรากฏแล้ว ช่องปากจะรู้สึกแห้งอย่างมาก ลิ้นแห้งและขาดความชุ่มชื้น และอาจมีกลิ่นปากที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสารคัดหลั่งในช่องปาก
ข้อสำคัญ : หากคุณพบอาการเหล่านี้ร่วมกับรสหวานในปาก ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน หรือความผิดปกติทางสุขภาพที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
เกร็ดสุขภาพ : นอกจากภาวะน้ำลายหวานแล้ว ยังมีความผิดปกติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับรสชาติของน้ำลายอีกด้วย เช่น น้ำลายเปรี้ยวที่เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารหลั่งออกมามากกว่าปกติ หรือน้ำลายขมที่อาจเกิดจากกรดไหลย้อน น้ำลายเค็มที่อาจบ่งบอกถึงภาวะขาดน้ำ ซึ่งทำให้ไตทำงานผิดปกติจนแสดงอาการออกมาผ่านทางน้ำลาย หรืออาจเกิดจากต่อมน้ำลายอักเสบ และสุดท้ายคือ น้ำลายจืด ร่วมกับอาการไม่ค่อยรับรู้รสอาหาร ซึ่งอาจบ่งบอกถึงภาวะขาดสารอาหารต่างๆ พบมากในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบเบื้องต้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำลายหวาน มีอะไรบ้าง ?
1. ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ
หากรู้สึกหวานในปาก หรือรู้สึกว่าน้ำลายมีรสชาติหวาน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้กินอาหารอะไรเลยก็ตาม สาเหตุที่เป็นไปได้ก็คือ อาจเกิดจากความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร ส่งผลให้เอนไซม์มีความผิดปกติ โดยเฉพาะเอนไซม์อะไมเลส ทำให้เกิดความรู้สึกหวานในคอ หรือกลืนน้ำลายแล้วได้รสหวานอย่างชัดเจน
2. ม้ามและกระเพาะอาหารมีความผิดปกติ
ในศาสตร์แพทย์แผนจีนระบุเอาไว้ว่า น้ำลายหวานอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของม้ามและกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากโรคเรื้อรังบางอย่าง จนทำให้ม้ามอ่อนแอลงได้ หรืออาจเป็นเพราะมีความร้อนสะสมในม้ามและกระเพาะอาหารมาก โดยเฉพาะคนที่ชอบกินอาหารรสจัดและอาหารเผ็ดร้อน ก็อาจทำให้ความร้อนสะสมในม้ามและกระเพาะอาหาร ส่งผลให้น้ำลายหวาน ลิ้นแห้ง คอแห้ง มีแผลในปาก และรู้สึกกระหายน้ำตามมา
3. อยู่ในช่วงที่กินคีโตเจนิค
วิถีการกินแบบคีโตเจนิคที่จำกัดแป้งและน้ำตาล และรับประทานอาหารในกลุ่มคาร์บให้น้อยที่สุดนั้น ก็ทำให้น้ำลายหวานได้เช่นกัน เนื่องจากการอดคาร์โบไฮเดรตจะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงานแทน ทำให้เกิดภาวะคีโตซีส และส่งผลทำให้เกิดรสหวานในปากได้
4. กำลังตั้งครรภ์
น้ำลายหวาน เกิดจากอะไร ? การตั้งครรภ์ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดรสหวานในปากได้ เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย รวมถึงระบบย่อยอาหารที่ทำงานผิดปกติในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ ก็อาจทำให้การรับรสเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม ในบางคนอาจมีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ทำให้น้ำลายหวานได้เช่นกัน จึงควรควบคุมการบริโภคน้ำตาลให้ดี เช่น การเลือกกินอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ หรือกินผลไม้น้ำตาลน้อย คนท้องกินได้ เพื่อป้องกันการเป็นเบาหวานคณะตั้งครรภ์ค่ะ
5. โรคเบาหวาน
น้ำลายหวาน เกิดจากอะไรได้อีกบ้าง ? โรคเบาหวานก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการมีรสหวานในปาก โรคเบาหวานส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งมีผลโดยตรงในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หากมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไปก็ทำให้เกิดรสหวานในปากได้ และมักจะมาพร้อมกับอาการอื่นๆ ได้แก่ มองเห็นภาพซ้อน กระหายน้ำมาก ปัสสาวะมากเกินไป และมีอาการเหนื่อยล้า ในผู้ที่เป็นเบาหวานควรควบคุมอาหารการกินและรักษาระดับน้ำตาลให้คงที่ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมีประวัติเป็นเบาหวานมาก่อน ก็ควรไปตรวจสุขภาพและตรวจระดับน้ำตาลในเลือดดู เพื่อจะได้วินิจฉัยอย่างถูกต้องค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : ในผู้ป่วยเบาหวานควรเฝ้าสังเกตอาการอีกอย่างหนึ่งคือ ภาวะน้ำลายหอมเหมือนน้ำผลไม้ หากรู้สึกว่าน้ำลายมีกลิ่นหอมคล้ายๆ กับกลิ่นของน้ำผลไม้ ควรไปพบแพทย์และทำการรักษาวินิจฉัยโดยด่วน เพราะอาการนี้มักพบได้ในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานขั้นรุนแรงซึ่งมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก ส่งผลให้น้ำลายหอมเหมือนน้ำผลไม้นั่นเอง
6. ปัญหาการเผาผลาญอาหาร
เบาหวาน คีโตซีส (Diabetic Ketoacidosis : DKA) หรือความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ รวมถึงความผิดปกติของระบบเมตาบอลิซึม ทั้งหมดนี้อาจส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการรับรสต่างๆ ทำให้เกิดรสหวานในปากได้
7. ปัญหาทางระบบประสาท
ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคลมชัก หรือโรคลมบ้าหมู อาจแสดงอาการในรูปแบบของการรู้สึกมีรสหวานในปาก ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นของปัญหาทางระบบประสาทได้ และส่งผลต่อการรับรส -การดมกลิ่นที่ผิดเพี้ยนไป จึงอาจทำให้รู้สึกมีรสหวานในปาก นอกจากนี้อาจมีอาการอื่นๆ ด้วย เช่นปวดศีรษะ ปวดท้ายทอย รู้สึกมึนศีรษะ เป็นต้น
8. การติดเชื้อ
น้ำลายหวาน เกิดจากอะไรได้อีกบ้าง ? การติดเชื้อก็ส่งผลให้มีน้ำลายหวานได้ ในจมูกและลำคออาจมีแบคทีเรียบางชนิด ซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียนั้นสามารถทำให้เกิดรสหวานในปากได้ เพราะการติดเชื้ออาจส่งผลต่อทางเดินหายใจ และขัดขวางการตอบสนองของสมองต่อการรับรส แม้แต่การติดเชื้อธรรมดาๆ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ หรือการติดเชื้อไซนัส ก็อาจทำให้น้ำลายมีกลูโคสอยู่ในนั้นมากขึ้น ซึ่งกลูโคสเป็นน้ำตาลชนิดหนึ่ง จึงอาจทำให้มีรสหวานในปากได้
9. โรคกรดไหลย้อน
คนที่เป็นกรดไหลย้อน นอกจากจะรู้สึกว่าน้ำลายขมแล้ว บางครั้งอาจรู้สึกว่าน้ำลายหวานได้ด้วยเช่นกัน เพราะกรดย่อยอาหารที่ไหลกลับเข้าไปในหลอดอาหารและปาก ทำให้เกิดรสหวานในปากได้
10. โรคมะเร็งปอด
มะเร็งปอดเป็นสาเหตุที่พบไม่บ่อยของการมีรสหวานในปาก แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะรสหวานเป็นสัญญาณเริ่มต้นของภาวะนี้ เนื่องจากเนื้องอกในปอดหรือทางเดินหายใจสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมนบางชนิดและส่งผลต่อการรับรส ทำให้รู้สึกว่ามีรสหวานในปากได้
เมื่อเจอภาวะน้ำลายหวาน เราควรดูแลตัวเองยังไง ?
จะเห็นว่าน้ำลายหวานนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน สำหรับวิธีแก้ไขและวิธีรักษานั้น ก็ต้องแก้ที่สาเหตุที่แท้จริง เช่น การตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อวินิจฉัยว่าเสี่ยงต่อโรคเบาหวานหรือไม่ หรือตรวจสุขภาพโดยรวมว่ามีความเจ็บป่วยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการน้ำลายหวานหรือไม่ จะได้รักษาได้ทันท่วงทีนะคะ อย่างไรก็ตาม เราสามารถดูแลตัวเองเพื่อแก้ไขอาการน้ำลายหวานได้ดังนี้ค่ะ
1. ปรับเปลี่ยนอาหารการกินให้เหมาะสม
การลดการกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมาก และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล หรือน้ำอัดลมให้น้อยลงนั้น จะช่วยลดภาระในระบบทางเดินอาหารและลดน้ำตาลในเลือดได้ ก็จะทำให้การมีรสหวานในปากลดน้อยลง
2. รักษาสุขอนามัยของช่องปาก
การแปรงฟันวันละสองครั้ง จะทำให้รสและกลิ่นจากช่องปากหายไป รวมถึงทำความสะอาดลิ้นเพื่อกำจัดแบคทีเรียที่มีแนวโน้มจะอาศัยอยู่ในรอยแยกของลิ้นได้ และยังสามารถใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์เพื่อลดแบคทีเรียในปาก จะได้มีสุขภาพช่องปากที่ดีนะคะ
3. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
หากน้ำลายหวานเกิดจากภาวะทางสุขภาพต่างๆ เช่น ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ เป็นกรดไหลย้อน มีการติดเชื้อ ฯลฯ การดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอเพื่อบรรเทาอาการความเจ็บป่วยต่างๆ รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะทำให้อาการน้ำลายหวานอันเนื่องมาจากความเจ็บป่วยหายไปได้ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการมีสุขภาพที่ดีนะคะ
ไหมขัดฟันพลังน้ำ คอลเกต บลาสท์ ช่วยทำความสะอาด ขจัดคราบพลัคตามซอกฟัน Colgate Blast Water Flosser
การสัมผัสถึงรสหวานในปากหรือรู้สึกว่าน้ำลายหวานนั้นอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่มีสาเหตุ และถ้าหากเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวหรือเกิดขึ้นนานๆ ครั้ง ก็อาจจะไม่ต้องเป็นกังวลอะไร แต่ถ้าเรารู้สึกว่าน้ำลายมีรสหวานบ่อยๆ หรือสัมผัสได้ถึงความหวานที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือเป็นเวลานาน แนะนำว่าควรไปพบแพทย์ เพราะน้ำลายหวานอาจบ่งบอกถึงปัญหาทางสุขภาพบางประการได้ และการได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้องเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาอาการน้ำลายหวานที่ต้นเหตุ ซึ่งอาจช่วยป้องกันความรุนแรงของโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมอีกด้วย
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ