“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
หินปูนในหูเคลื่อนหายเองได้ไหม ? แนะนำโรคหินปูนในหูชั้นในให้รู้จัก เพื่อดูแลตัวเองกัน !
โรคที่เกี่ยวกับหูนั้นก็มีอยู่หลายโรคด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นอาการหูตึงที่มักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ หรืออาการน้ำในหูไม่เท่ากันเนื่องจากมีน้ำคั่งในหูชั้นในหรือมีความดันในหูเพิ่มขึ้น รวมถึงประสาทหูดับฉับพลันที่อาจขึ้นได้ ทั้งนี้ อีกหนึ่งอาการที่พบได้บ่อยก็คือ ตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุดหรือเคลื่อน ทำให้รู้สึกเวียนศีรษะ บ้านหมุน รู้สึกโคลงเคลงหรือเสียการทรงตัวเมื่อมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แล้ว หินปูนในหูเคลื่อนหายเองได้ไหม ? อาการเป็นอย่างไร จำเป็นที่จะต้องรักษาหรือไม่ ? มาทำความรู้จักให้มากขึ้นกันเลยค่ะ
หินปูนในหูเคลื่อนหายเองได้ไหม ? ชวนดูสาเหตุ เพื่อการดูแลตัวเอง
ก่อนจะไปดูว่า หินปูนในหูเคลื่อนหายเองได้ไหม เรามารู้จักอาการนี้ให้มากขึ้นกันก่อนดีกว่าค่ะ หินปูนในหูเคลื่อน หรือ Benign Paroxysmal Positional Vertigo : BPPV เป็นสาเหตุของอาหารเวียนศีรษะที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยที่มีอาการเวียนศีรษะจากโรคที่เกี่ยวกับหู พบได้ประมาณ 20 – 30% ของผู้ป่วยที่มาด้วยอาการเวียนศีรษะ โดยคนที่เป็นจะมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนแบบกะทันหัน และมีอาการบ้านหมุนแบบเป็นๆ หายๆ ซึ่งคล้ายกับโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน แต่เป็นคนละโรคกันค่ะ
โดยปกติแล้ว ภายในหูชั้นในของเราจะมีอวัยวะที่ควบคุมการทรงตัว ได้แก่ Utricle, Saccule และ Semicircular canal ซึ่งมีรูปร่างลักษณะคล้ายก้นหอย ในส่วนของ Utricle นั้นจะมีตะกอนหินปูนเคลื่อนไปมาโดยไม่หลุด ซึ่งตะกอนหินปูนนี้มีหน้าที่รับรู้การเคลื่อนที่ของศีรษะ ทั้งนี้ หินปูนในหูหลุดเกิดจากอะไร ? ถ้ามีการสั่นสะเทือนขึ้นก็อาจทำให้ตะกอนหินปูนดังกล่าวหลุดออก แล้วไปเคลื่อนที่อยู่ในส่วน Semicircular canal ที่จะส่งสัญญาณไปยังระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะและบ้านหุมนขึ้นมาได้ แล้วหินปูนในหูเคลื่อนหายเองได้ไหม ? มาดูกันต่อเลยค่ะ
เกร็ดสุขภาพ : ตะกอนหินปูนหูชั้นใน (Otoconia) เป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการทรงตัวของร่างกาย ประกอบด้วยผลึกแคลเซียมคาร์บอร์เนต และเนื้อโปรตีน (Protein Matrix) เมื่ออายุมากขึ้น ผลึกแคลเซียมหรือตะกอนหินปูหูชั้นในจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เช่น มีความแข็งมากขึ้น เปราะง่ายขึ้น ซึ่งการเกิดโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อนนั้นเป็นผลมาจากการเปลี่ยนตำแหน่งของตะกอนหินปูนชั้นในที่ผิดไปจากตำแหน่งปกตินั่นเอง
หินปูนในหูหลุดเกิดจากอะไร ?
หลายๆ คนอาจจะอยากรู้ว่า หินปูนในหูเคลื่อนหายเองได้ไหม ? แต่ก่อนอื่นเรามาดูสาเหตุของภาวะนี้กันก่อนเลยค่ะ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตะกอนหินปูนในหูเคลื่อนนั้นก็มีอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้
- เกิดจากอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุบริเวณศีรษะ
- เกิดจากความเสื่อมตามวัย
- โรคของหูชั้นใน
- เกิดจากการผ่าตัดในหูชั้นกลางหรือหูชั้นใน
- เกิดจากการติดเชื้อ
- มีการเคลื่อนไหวศีรษะซ้ำๆ เช่น ต้องก้มๆ เลยๆ หรือทำความสะอาดที่ต้องก้มๆ เงยๆ บ่อยๆ
- หินปูนในหูหลุดเกิดจากอะไรได้อีกบ้าง ? การมีโรคประจำตัวบางอย่างที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน เช่น อายุมาก โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคเบาหวาน กระดูกพรุน การขาดวิตามินดี เป็นต้น
อาการของโรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน
อาการของโรคหินปูนในหูเคลื่อนคือ มีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน ในขณะที่เปลี่ยนท่าทางของศีรษะ ซึ่งจะเกิดขึ้นทันทีทันใด เช่น ขณะล้มตัวลงนอนหรือลุกจากที่นอน ขณะพลิกตัวในที่นอน ก้มดูของหรือเงยหน้าขึ้นข้างบน เป็นต้น แต่อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนจะเป็นในช่วงสั้นๆ มักเป็นแค่ช่วงที่ขยับศีรษะ แล้วอาการจะค่อยๆ หายไป ทั้งนี้ หากขยับศีรษะในท่าเดิมก็อาจกลับมาเป็นใหม่ได้ แต่จะไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก ซึ่งอาจเป็นได้หลายๆ ครั้งใน 1 วัน มักจะเป็นอยู่หลายวันแล้วอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นในเวลาต่อมา ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน และอาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีกในช่วงเวลาหลายเดือนหรือเป็นปี ทั้งนี้ หากมีอาการเวียนศีรษะอย่างรุนแรงก็อาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย แต่จะไม่พบอาหารหูอื้อ หูตึง หรือมีเสียงผิดปกติในหู รวมถึงไม่มีอาการทางระบบประสาทหรือแขนขาชาอ่อนแรงร่วมด้วย
รักษาได้อย่างไร ? หินปูนในหูเคลื่อนหายเองได้ไหม ?
หลายๆ คนอาจจะส่งสัยว่า แล้วหินปูนในหูเคลื่อนหายเองได้ไหม จำเป็นที่จะต้องทำการรักษาหรือเปล่า ? คำตอบก็คือ ในบางคนนั้นสามารถหายได้เองค่ะ โดยอาการจะดีขึ้นและหายได้เองใน 1 สัปดาห์แม้จะไม่ได้ทำการรักษาใดๆ ก็ตาม แต่อาการอาจจะคงอยู่นานจนทำให้ผู้ที่เป็นมีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน สำหรับแนวทางการรักษานั้น มีดังนี้ค่ะ
- รักษาด้วยยา : โดยแพทย์จะให้ยาบรรเทาอาการเวียนศีรษะ และผู้ที่เป็นควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่างๆ ที่กระตุ้นให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เช่น ไม่ก้มๆ เงยๆ หรือพยายามลุกจากที่นอนช้าๆ เคลื่อนไหวช้าๆ เพื่อป้องกันอาการเวียนศีรษะที่อาจเกิดขึ้นได้
- รักษาด้วยการทำกายภาพบำบัด : ซึ่งเป็นการทำกายภาพบำบัดเพื่อเคลื่อนตะกอนหินปูน เช่น วิธี Canalith repositioning therapy หรือการทำกายภาพบำบัดเพื่อให้เกิดการปรับสภาพของสมองได้เร็วขึ้น ได้แก่ Brandt และ Daroff หรือวิธี Cawthorne vestibular exercise เป็นต้น นอกจากนี้ แพทย์อาจแนะนำการบริหาร และการฝึกระบบประสาททรงตัว (Vestibular rehabilitation) เพื่อให้อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนทุเลาลง
- รักษาด้วยการผ่าตัด : หากรักษาด้วยยาหรือด้วยการทำกายภาพบำบัดแล้วไม่ได้ผล ยังมีอาการเวียนศีรษะอยู่บ่อยๆ และมีอาการเวียนศีรษะอย่างรุนแรง ไม่ดีขึ้น เป็นซ้ำบ่อย ก็อาจจะทำการผ่าตัดเพื่อให้อาการเวียนศีรษะทุเลาลงหรือหายไป
เกร็ดสุขภาพ : ในช่วงที่ตะกอนหินปูนในหูหลุดนั้นจะมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนซึ่งเสี่ยงต่อการหกล้มและเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องการทรงตัว แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาให้อาการดีขึ้นโดยเร็ว ทั้งนี้ แม้จะหายเป็นปกติแล้ว ก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เกิดอุบัติเหตุ มีโรคของหูชั้นในร่วมด้วย มีโรคประจำตัว หรือมีอายุมากขึ้นก็อาจทำให้เกิดขึ้นได้
ควรดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อมีอาการหินปูนในหูเคลื่อน
ตอนนี้ก็ได้ทราบกันไปแล้วว่า หินปูนในหูเคลื่อนหายเองได้ไหม ถึงแม้ว่าในบางรายจะสามารถหายได้เอง แต่อาการป่วยที่เกิดขึ้นนั้นก็สามารถรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ ทั้งนี้ ในผู้ที่มีอาการนั้น ควรดูแลตนเองดังนี้ค่ะ
- เมื่อมีอาหารเวียนศีรษะ ควรรีบนั่งลง หรือนอนราบไปกับพื้นหรือเตียง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุลื่มล้ม
- ถ้าเกิดเวียนศีรษะขณะขับรถหรือขณะทำงาน ควรหยุดการทำกิจกรรมทุกอย่าง โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานกับเครื่องจักรเพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
- ไม่ควรว่ายน้ำ ดำน้ำ ขึ้นบันได ปีนป่ายที่สูงหรือเดินบนสะพานไม้แผ่นเดียว ซึ่งเสี่ยที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- เมื่อตื่นนอนในตอนเช้า ควรลุกขึ้นจากเตียงนอนช้าๆ และนั่งนิ่งๆ ประมาณ 1 นาทีก่อนลุกขึ้น จะช่วยป้องกันการเวียนศีรษะได้
- หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงโดยเอาหูด้านที่กระตุ้นให้เกิดอาการลง
- หลีกเลี่ยงการก้มเก็บสิ่งของ หรือเงยหน้าหยิบสิ่งของที่อยู่สูง
- ไม่ควรออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวของศีรษะและลำตัวมาก
- ควรขยับตัวอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันอาการเวียนหัวบ้านหมุนที่อาจเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม โรคหินปูนในหูเคลื่อนเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แม้รักษาจนอาการเวียนศีรษะหายไปก็อาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ซึ่งอาจจะต้องกินยาและทำการรักษาโดยการทำกายภาพบำบัดไปตามอาการ และหากมีอาการก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ โดยเฉพาะด้านการเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมต่างๆ เพราะอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนที่เกิดขึ้นนั้นอาจทำให้เสียการทรงตัวและเกิดอุบัติเหตุหกล้มได้ง่าย หากมีอาการดังกล่าวก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อความปลอดภัยและการมีสุขภาพที่ดีของเรานะคะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : siphhospital.com, bangkokhospitalhuahin.com, bumrungrad.com, hopkinsmedicine.org
Featured Image Credit : freepik.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ