“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ชวนรู้จัก โรคปลายประสาทอักเสบเฉียบพลัน อันตรายมากไหม ? ดูแลตัวเองยังไงให้ห่างไกลจากโรคนี้
เคยมีอาการชามือชาเท้าโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ บริเวณมือหรือเท้าอย่างกะทันหันไหมคะ แม้จะไม่ได้ไปทำอะไรหรือไม่ได้มีอาการบาดเจ็บอะไร จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนโดนเข็มแทงบริเวณนั้นๆ หรือรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต ซึ่งนั่นอาจเป็นอาการของ โรคปลายประสาทอักเสบเฉียบพลัน ในบางคนอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับโรคนี้มาบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคือโรคอะไร มีอาการอย่างไร และร้ายแรงแค่ไหน ควรไปพบแพทย์หรือไม่ เรามาทำความรู้จักอาการปลายประสาทอักเสบให้มากขึ้นกัน เพื่อประโยชน์ทางสุขภาพของเราเองค่ะ
โรคปลายประสาทอักเสบเฉียบพลัน คืออะไร อันตรายไหม ? มารู้จักให้มากขึ้น
โรคปลายประสาทอักเสบ (Peripheral neuropathy) และโรคปลายประสาทอักเสบเฉียบพลัน เป็นกลุ่มอาการของเส้นประสาทส่วนปลายซึ่งทำหน้าที่นำคำสั่งจากสมองและไขสันหลังไปยังอวัยวะต่างๆ รวมถึงทำหน้าที่รับความรู้สึกจากอวัยวะต่างๆ กลับไปยังสมองด้วย ซึ่งอาการอักเสบที่เกิดขึ้น จะเกิดกับเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ในส่วนต่างๆ ได้แก่
- เส้นประสาทรับความรู้สึก (Sensory nerves) เป็นเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับผิวหนัง ที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกต่างๆ เช่น รู้สึกร้อน หนาว รู้สึกเจ็บปวด เป็นต้น
- เส้นประสาทสั่งการ (Motor nerves) เส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
- เส้นประสาทอัตโนมัติ (Autonomic nerves) เป็นเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับอวัยวะภายใน ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น ความดันเลือด ระบบย่อยอาหาร อัตราการเต้นของหัวใจ การทำงานของกระเพาะปัสสาวะ การขับเหงื่อ เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อมีอาการของโรคปลายประสาทอักเสบเฉียบพลันเกิดขึ้น อาจทำให้มีอาการอ่อนแรง ทรงตัวไม่ได้ รู้สึกชา ปวด ซึ่งมักจะเกิดขึ้นที่มือและเท้า และรู้สึกเหมือนกับถูกเข็มทิ่มแทง มีอาการแสบร้อน หรือคล้ายแมลงไต่ ซึ่งจะมีอาการต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่า จะมีการอักเสบที่เส้นประสาทคู่ใด
เกร็ดสุขภาพ : ในร่างกายของมนุษย์ ระบบประสาทส่วนปลายจะทำหน้าที่รับคำสั่งจากระบบประสาทส่วนกลาง แล้วส่งต่อคำสั่งไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหวและสามารถรับความรู้สึกได้ โดยระบบประสาทส่วนปลายจะมีเส้นประสาทที่ทำหน้าที่เหมือนกับสายไฟฟ้าในการนำคำสั่งไปตามอวัยวะต่างๆ ทั้งนี้ โรคปลายประสาทอักเสบเฉียบพลัน กับโรคปลายประสาทอักเสบปกติ เป็นกลุ่มโรคเดียวกัน มีอาการไม่ต่างกัน แต่แตกต่างกันตรงที่อาการของโรคจะค่อยๆ เกิดขึ้น กับมีการเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันนั่นเอง
โรคปลายประสาทอักเสบเฉียบพลัน มีอาการอย่างไร
เมื่อเกิดการอักเสบของปลายประสาทขึ้นอย่างเฉียบพลัน มักจะมีอาการดังนี้
- มีอาการเหน็บชา หรือสึกเสียวที่เท้าหรือมือ ซึ่งสามารถลามไปถึงแขนขาได้
- รู้สึกเหมือนถูกเข็มเล็กๆ ทิ่มแทง หรือปวดแสบปวดร้อน
- ไวต่อการสัมผัส รู้สึกเหมือนสวมถุงมือถุงเท้าทั้งๆ ที่ไม่ได้สวม
- รู้สึกปวดแปล๊บอย่างรุนแรงในการเคลื่อนไหวบางอย่าง เช่น เมื่อลงน้ำหนักเท้า
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง เสียการทรงตัว
นอกจากอาการดังกล่าวแล้ว หากมีการอักเสบของเส้นประสาทอัตโนมัติ ก็จะทำให้มีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหาร ท้องผูกหรือท้องเสีย มีความดันโลหิตต่ำ เหงื่อออกมากผิดปกติ และถ้าหากมีการอักเสบของเส้นประสาทคู่ต่างๆ ที่มีความแตกต่างกัน ก็จะมีอาการแยกย่อยแตกต่างกันไป ซึ่งสามารถแบ่งแยกอาการตามการอักเสบของคู่เส้นประสาทแต่ละคู่ได้ดังนี้
- เส้นประสาทคู่ที่ 7 : จะทำให้ใบหน้าเบี้ยว ใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก โดยส่วนหนึ่งของอาการนี้มาจากการติดเชื้อไวรัสในขณะที่ภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลง เช่น ในช่วงที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย
- เส้นประสาทคู่ที่ 8 : ทำให้สูญเสียการทรงตัว หกล้มง่าย มีอาการบ้านหมุน บางคนอาจได้ยินเสียงแว่วในหู หรือมีอาการหูดับ
- เส้นประสาทคู่ที่ 3,4 หรือ 6 : โดยอาการอักเสบของเส้นประสาทคู่ดังกล่าว มักจะพบในกลุ่มคนที่เป็นเบาหวาน ทำให้เห็นภาพซ้อนในแนวใดแนวหนึ่ง
- เส้นประสาทคู่ที่ 5 : ในคนที่เป็นโรคปลายประสาทอักเสบเฉียบพลัน หากมีการอักเสบในเส้นประสาทคู่ที่ 5 จะทำให้รู้สึกเสียวแปล๊บบนใบหน้า หรือเจ็บแปล๊บๆ คล้ายกับการถูกไฟฟ้าช็อต ซึ่งมักจะเกิดบนใบหน้าด้านใดด้านหนึ่ง
สาเหตุของการเกิดโรคปลายประสาทอักเสบเฉียบพลัน มีอะไรบ้าง ?
- โรคเบาหวาน รู้หรือไม่ว่า โรคเบาหวานเป็นสาเหตุของการเกิดโรคปลายประสาทอักเสบที่พบได้บ่อยมากที่สุด
- โรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน เช่น โรคภูมิต้านตนเอง รวมถึงกลุ่มอาการของโรคโจเกรน ลูปัส โรคข้อรูมาตอยด์ กลุ่มโรคกิลแกง-บาร์เร โรคเส้นประสาทอักเสบเรื้อรัง และการอักเสบของผนังหลอดเลือด
- มีบาดแผลหรือมีการกดทับที่เส้นประสาท ซึ่งทำให้เส้นประสาทเกิดความเสียหาย เช่น เกิดจากอุบัติเหตุ หรือบาทเจ็บจากการเล่นกีฬา รวมถึงการกดทับเป็นเวลานานที่ทำให้เส้นประสาทเกิดความเสียหาย เช่น ใส่เฝือก ใช้ไม้ค้ำ หรือนั่งพิมพ์งานนานๆ
- เกิดจากการติดเชื้อ ทั้งการติดเชื้อจากไวรัสและแบคทีเรีย รวมไปถึงโรคไลม์ โรคงูสวัด การติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ ไวรัสตับอักเสบซี โรคคอตีบ หรือเอชไอวี ก็ทำให้เกิดโรคปลายประสาทอักเสบได้
- เกิดเนื้องอกหรือเป็นโรคมะเร็งบางชนิด ที่กระจายไปยังเส้นประสาทหรือไปกดทับเส้นประสาท
นอกจากนี้ ยังมีเหตุปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดโรคปลายประสาทอักเสบได้เช่นกัน อาทิ โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคตับ โรคไต ความผิดปกติของไขกระดูก การสัมผัสกับสารพิษอย่างตะกั่วและปรอท รับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลข้างเคียงต่อเส้นประสาท หรือแม้กระทั่งการทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ก็อาจทำให้เกิดโรคปลายประสาทอักเสบเฉียบพลันได้เช่นกัน
เกร็ดสุขภาพ : ภาวะโภชนาการที่ไม่เหมาะสมและพฤติกรรมการกินของเรา ก็ทำให้เกิดปลายประสาทอักเสบได้ หากรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ก็จะขาดสารอาหารจำพวกวิตามินต่างๆ อาทิ วิตามินบี 1 บี 6 บี 12 วิตามินอี และไนอาซิน ซึ่งการขาดวิตามินเหล่านี้ เป็นส่วนสำคัญที่อาจทำให้เกิดปลายประสาทอักเสบได้ ดังนั้น จึงควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินบีและอีสูง หรือกินวิตามินรวม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดวิตามินและเกิดโรคปลายประสาทอักเสบได้
การวินิจฉัยปลายประสาทอักเสบ ทำได้อย่างไร
เมื่อสงสัยว่าตัวเองจะมีอาการที่บ่งชี้ถึงปลายประสาทอักเสบ ให้ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาอย่างถูกต้อง โดยแพทย์จะทำการสอบถามประวัติอาการที่เกิดขึ้น และทำการตรวจร่างกาย ตรวจประสาทสัมผัส หรือตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุที่มาจากการเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน หรือในบางคนอาจทำการตรวจการทำงานของเส้นประสาท (Nerve Conduction Test: NCS) เพิ่มเติม ร่วมกับการตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Electromyography: EMG) หรือทำการเอ็กซ์เรย์ เป็นต้น
วิธีรักษาอาการปลายประสาทอักเสบ – โรคปลายประสาทอักเสบเฉียบพลัน
- รักษาด้วยยาแก้ปวด หรือยาลดการอักเสบ เนื่องจากอาการของปลายประสาทอักเสบจะรู้สึกปวดหรือเจ็บในบริเวณที่มีการอักเสบเกิดขึ้น แต่ใช้บรรเทาอาการที่ไม่รุนแรงเท่านั้น
- ให้ยาใช้เฉพาะที่ เช่น ยาครีมแคปไซซิน ซึ่งจะช่วยลดอาการที่เกิดจากประสาทส่วนปลายอักเสบ หรือใช้แผ่นแปะเพื่อลดอาการปวดในบริเวณผิวหนังที่มีอาการ
- ใช้ไฟฟ้ากระตุ้นเส้นประสาทผ่านทางผิวหนัง เพื่อลดความเจ็บปวด
ทั้งนี้ ยังมีการรักษาแบบอื่นๆ อีก ในกรณีที่มีอาการรุนแรง ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับการประเมินวินิจฉัยของแพทย์ เช่น ต้องทำการผ่าตัด การทำกายภาพบำบัด เป็นต้น
ป้องกันไม่ให้เกิดปลายประสาทอักเสบ ทำได้อย่างไร
ในกรณีที่เกิดโรคปลายประสาทอักเสบเฉียบพลันอันมีสาเหตุมาจากโรคประจำตัวหรือโรคอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน การดูแลตัวเองให้อาการของโรคทรงตัวอยู่เสมอและรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ก็อาจช่วยป้องกันการเกิดปลายประสาทได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไร ก็สามารถดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเกิดปลายประสาทอักเสบได้ และทำได้ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ เน้นการรับประทานผัก ธัญพืช และโปรตีนที่มีไขมันต่ำ รวมถึงอาหารที่มีวิตามินบี 12 เพราะเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงระบบประสาทได้
- ออกกำลังกายเป็นประจำ เคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ เพราะการนั่งนานเกินไปหรืออยู่ในท่าเดิมนานเกินไป ก็ทำให้เกิดอาการชา มีการกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดการอักเสบได้
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อเส้นประสาทถูกกดทับ เช่น การยกของหนัก การก้มๆ เงยๆ
- หลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้างหรือนั่งในท่าที่อาจกดทับเส้นประสาทได้
- ในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ควรลดหรืองดการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากทำให้เกิดโรคต่างๆ ที่ก่อให้เกิดปลายประสาทอักเสบได้
อาการปลายประสาทอักเสบ แม้เริ่มต้นอาจดูไม่รุนแรง แต่ถ้าไม่ได้ทำการรักษาอย่างถูกต้องและปล่อยทิ้งเอาไว้ อาจก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง และอาจทำให้ส่งผลเสียอื่นๆ ได้ เช่น หกล้มบ่อยเนื่องจากสูญเสียการทรงตัว กล้ามเนื้ออ่อนแรง หยิบจับอะไรไม่สะดวกเพราะชามือบ่อยๆ ทั้งนี้ หากพบว่ามีอาการชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้าลามมาถึงสะโพก แนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานๆ อาจกลายเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้เลยนะคะ แม้จะรู้สึกแค่เจ็บแปล๊บๆ บริเวณมือเท้า หรือชามือชาเท้า เท้าร้อน (อ่านเพิ่มเติม เท้าร้อน ขาดวิตามินอะไร) ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยให้เร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพของเราเองค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : samitivejhospitals.com, synphaet.co.th, mayoclinic.org, nhs.uk
Featured Image Credit : freepik.com
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ