“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ชวนรู้จัก กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่มีบุตรยาก
การมีลูกเพื่อมาเติมเต็มครอบครัวนั้น เป็นความต้องการของคู่แต่งงานหลายๆ คู่ แต่ทั้งนี้ ในบางคู่แต่งงาน โอกาสในการตั้งครรภ์กลับเป็นไปได้ยาก เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ทั้งในเรื่องของอายุที่ไม่เหมาะสมต่อการตั้งครรภ์ โดยผู้หญิงมีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป และยังไม่ได้ทำการฝากไข่ หรือในคุณผู้ชายมีอสุจิไม่แข็งแรง ทำให้มีโอกาสที่จะปฏิสนธิและตั้งครรภ์ได้ยาก การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อเป็นตัวช่วยในการมีบุตรจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับครอบครัวในยุคนี้ อย่างเช่น กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับวิธีการนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ
กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว คืออะไร ?
การทำเด็กหลอดแก้ว หรือ In – Vitro Fertilization (IVF) เป็นเทคโนโลยีการเจริญพันธ์ุทางการแพทย์ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตรให้กับคู่สามีภรรยา ด้วยการนำไข่และอสุจิของคู่สมรสออกมาปฏิสนธิกันภายนอกร่างกาย และเกิดเป็นตัวอ่อนในหลอดแก้ว เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ตัวอ่อนจะถูกย้ายเข้าไปในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิงและเกิดการตั้งครรภ์ในที่สุด ซึ่งวิธีการนี้ จะช่วยแก้ปัญหาให้กับคู่สามีภรรยาที่อยู่ในภาวะมีบุตรยาก ให้สามารถตั้งครรภ์และมีบุตรได้
ทั้งนี้ กระบวนการทำเด็กหลอดแก้วเหมาะสำหรับคู่สมรสที่มีปัจจัยทางร่างกาย ส่งผลทำให้มีบุตรยาก เช่น ฝ่ายหญิงมีพังผืดในอุ้งเชิงกราน มีเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ท่อนำไข่อุดตันหรือถูกทำลาย มีภาวะไม่ตกไข่หรือตกไข่ช้าเนื่องจากโรคบางชนิด สำหรับฝ่ายชายคือ มีอสุจิจำนวนน้อย อสุจิไม่สมบูรณ์ มีรูปร่างผิดปกติ เคลื่อนที่ไม่ดี ซึ่งทำให้ส่งผลต่อการปฏิสนธิ รวมถึงคู่สมรสที่ไม่ทราบสาเหตุของการมีบุตรยาก และพยายามมีบุตรมามากกว่า 3 ปี หรือคู่สมรสที่ได้ใช้วิธีกระตุ้นการตกไข่และผสมเทียมโดยการฉีดอสุจิเข้าโพรงมดลูกโดยตรงมาแล้วแต่ยังไม่ตั้งครรภ์ ซึ่งการปฏิสนธิภายนอก จะเพิ่มโอกาสทำให้เกิดเป็นตัวอ่อนที่สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้นั่นเอง
เกร็ดสุขภาพ : การฉีดเชื้อผสมเทียม หรือ Intra Uterine Insemination (IUI) เป็นการนำอสุจิฉีดผ่านปากมดลูกเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง ซึ่งเป็นการรักษาเบื้องต้นของการรักษาภาวะมีบุตรยากจากหลายสาเหตุ เช่น อสุจิของฝ่ายชายมีความผิดปกติ เคลื่อนไหวได้ไม่ดี จึงไม่สามารถผสมกับไข่ได้ คู่สมรสที่ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์เนื่องจากการพิการ บาดเจ็บ หรือมีปัญหาอื่นๆ หรือฝ่ายหญิงมีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เล็กน้อย รวมถึงคู่สมรสที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการมีบุตรยาก เป็นต้น
กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ?
- การกระตุ้นไข่ เริ่มจากการพบแพทย์ ตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนและทำการอัลตราซาวด์ พร้อมกับฉีดฮอร์โมนกระตุ้นรังไข่ในวันที่ 2 หรือ 3 ของรอบเดือน จากนั้นแพทย์จะนัดอัลตราซาวด์เพื่อดูการเจริญเติบโตของไข่ และตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนเป็นระยะ โดยจะใช้เวลาในขั้นตอนกระตุ้นไข่ประมาณ 8 – 10 วัน
- การเก็บไข่ หลังจากมีการกระตุ้นไข่ด้วยฮอร์โมนจนไข่เจริญเติบโตได้ตามต้องการ แพทย์จะทำการเจาะเก็บไข่จากรังไข่ โดยใช้เข็มดูดผ่านทางช่องคลอด และใช้การอัลตราซาวด์ช่วยบอกทิศทาง แพทย์จะให้ยาระงับความรู้สึกระยะสั้นทางหลอดเลือด หรือวางยาสลบ เพื่อป้องกันความรู้สึกเจ็บปวดระหว่างเก็บไข่ ใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาที ในขณะเดียวกัน ฝ่ายชายจะต้องเก็บอสุจิใส่ภาชนะที่แพทย์เตรียมให้ เพื่อนำมาคัดแยกเฉพาะอสุจิที่สมบูรณ์
- การปฏิสนธิ เมื่อเก็บไข่กับอสุจิได้พร้อมแล้ว จะนำมาผสมในห้องทดลอง และตรวจดูการปฏิสนธิต่อไป อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ฝ่ายชายมีจำนวนอสุจิน้อย หรือคุณภาพของอสุจิน้อยกว่ามาตรฐานมาก จะมีความเสี่ยงสูงที่ไม่มีการผสม แพทย์จะใช้วิธีคัดเลือกอสุจิเพียงตัวเดียวฉีดเข้าไปในไข่ โดยไม่ต้องรอให้ปฏิสนธิเอง ซึ่งวิธีนี้เรียกว่า อิ๊กซี่ (ICSI : Intracytoplasmic Sperm Injection)
- การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน เมื่อไข่กับอสุจิมีการปฏิสนธิกันจนเป็นตัวอ่อนแล้ว จะทำการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการจนเติบโต มีการแบ่งเซลล์เป็น 6 – 8 เซลล์ โดยจะใช้เวลาประมาณ 3 วันหลังการปฏิสนธิ และเจริญเติบโตเข้าสู่ระยะบลาสโตซิสต์ ใช้เวลาประมาณ 5 วันหลังปฏิสนธิ
- การย้ายตัวอ่อน ขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วคือ การนำตัวอ่อนย้ายเข้าโพรงมดลูกด้วยเครื่องมือทางช่องคลอด เหมือนกับการตรวจภายใน ซึ่งขั้นตอนนี้ ไม่ต้องให้ยาระงับปวดหรือยานอนหลับ การใส่ตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูกจะอาศัยเครื่องอัลตราซาวด์ในการบอกตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการวางตัวอ่อนในโพรงมดลูก โดยปกติแล้ว สามารถย้ายตัวอ่อนได้ 2 ระยะคือ ตัวอ่อนอายุ 3 วัน หรือ 5 วัน ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที หลังจากทำการย้ายตัวอ่อนเรียบร้อยแล้ว ควรปฏิบัติตัวดังนี้
- นอนพักประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง และกลับไปนอนพักต่อที่บ้านอีก 12 – 24 ชั่วโมง
- สามารถทำงานเบาๆ ได้ แต่ต้องไม่มีการเกร็งหน้าท้องหลังจากการย้ายตัวอ่อนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด
- ไปตามนัดของแพทย์ ซึ่งแพทย์จะนัดตรวจอาการอีกประมาณ 7 – 10 วัน เพื่อตรวจการตั้งครรภ์
- ห้ามรับประทานยาอื่นๆ นอกเหนือจากยาที่แพทย์สั่ง
- หากมีอาการผิดปกติใดๆ เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง ควรไปพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ถึงวันนัด เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ
ควรเตรียมตัวอย่างไร สำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว
ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการทำเด็กหลอดแก้วนั้น ทั้งฝ่ายหญิงฝ่ายชายก็ต้องมีการเตรียมตัวเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับขั้นตอนทางการแพทย์ เพื่อให้เป็นไปอย่างราบรื่นและสมบูรณ์ โดยมีการเตรียมตัวดังนี้
• สำหรับคุณแม่
- ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อคุณภาพไข่ที่ดี และรับประทานโปรตีนอย่างน้อยวันละ 60 กรัม โปรตีนก็ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ นม พืชตระกูลถั่ว เต้าหู้ เป็นต้น
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 3 เดือนก่อนเข้าสู่กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว
- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- ในผู้ที่มีอาการป่วยหรืออยู่ในระหว่างการรักษาตัว ต้องรับประทานยา ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวและแจ้งว่าจะทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อจะได้จัดยาให้อย่างเหมาะสม เพราะยาบางชนิดอาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ได้
- ออกกำลังการให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ
- นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง
• สำหรับคุณพ่อ
- หลีกเลี่ยงการลงแช่อ่างน้ำอุ่นและการทำซาวน่า เนื่องจากการศึกษาพบว่า การทำซาวน่าอาจทำให้จำนวนอสุจิลดลงได้
- ไม่สวมกางเกงชั้นในที่แน่นจนเกินไป
- งดสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 3 เดือน
- งดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 3 วันก่อนการเก็บเชื้ออสุจิ
- ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ
- พักผ่อนอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
- ทำจิตใจไม่สบาย ไม่เครียดจนเกินไป เนื่องจากอาจส่งผลต่อการหลั่งได้
เกร็ดสุขภาพ : ปัจจัยความสำเร็จที่จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ในการทำเด็กหลอดแก้วนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น การตอบสนองการกระตุ้นการตกไข่ ความแข็งแรงของตัวอ่อน อายุของคุณแม่ สำหรับฝ่ายหญิงที่มีอายุเกิน 40 ปี โอกาสรอดชีวิตของตัวอ่อน จะมีน้อยกว่าผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี รวมถึงความพร้อมทางด้านเศรษฐกิจของคู่สมรสด้วยเช่นกัน เนื่องจากอาจต้องทำหลายครั้ง โดยอัตราความสำเร็จของเด็กหลอดแก้วจะอยู่ที่ 40% ต่อการทำ 1 ครั้ง
ภาวะแทรกซ้อนจากกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว
- การตั้งครรภ์แฝด เนื่องจากมีการใส่ตัวอ่อน 1- 3 ตัวอ่อนเข้าไปในโพรงมดลูก เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ ดังนั้น จึงมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แฝดได้
- รังไข่มีการตอบสนองต่อฮอร์โมนมากผิดปกติ เนื่องจากรังไข่ได้รับการกระตุ้นเพื่อเพิ่มจำนวนไข่ อาจทำให้มีอาการปวดท้อง เนื่องจากมีน้ำอยู่ในช่องท้องในปริมาณมาก
- เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก เนื่องจากไข่เข้าไปฝังตัวอยู่ในท่อนำไข่แทนที่จะฝังตัวในมดลูก (อ่านเพิ่มเติม ท้องนอกมดลูกมีอาการอย่างไร)
- เสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนด
- มีภาวะแท้ง/ ติดเชื้อ/เลือดออก
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้น้อยลง เนื่องจากแพทย์จะหาปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของคนไข้แต่ละราย และหาแนวทางป้องกัน รวมถึงให้การรักษาที่เหมาะสม
ค่าใช้จ่ายในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายในการทำเด็กหลอดแก้วนั้น ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่ไปใช้บริการ ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 – 400,000 บาท ต่อแพ็กเกจ สำหรับใครที่สนใจวิธีการนี้เพื่อการมีบุตร ก็สามารถสอบถามค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลชั้นนำทั่วไปได้เลยค่ะ
วิธี In – Vitro Fertilization หรือเด็กหลอดแก้ว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่มีบุตรยาก เพื่อให้มีลูกน้อยได้ตามใจหวัง อย่างไรก็ตาม เป็นวิธีที่ค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายและมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน ดังนั้น ผู้ที่ต้องการจะตั้งครรภ์ด้วยวิธีนี้ควรศึกษาหาข้อมูลอย่างรอบครอบ และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประกอบการตัดสินใจ รวมถึงเลือกใช้บริการจากโรงพยาบาลชั้นนำที่มีมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและมีโอกาสที่จะสำเร็จสูงด้วยค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : vichaiyut.com, praram9.com, paolohospital.com, mayoclinic.org, medlineplus.gov
Featured Image Credit : vecteezy.com/Surasak suwanma
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ