“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
ขนคุด คือ อะไร ? เกิดจากอะไร ? ทำยังไงดีเมื่อเรามีขนคุด ?!
ขนคุดเป็นปัญหากวนใจและน่ารำคาญสำหรับใครหลายคน ขนคุดสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบนใบหน้า ตามลำตัว หรือตามแขน ขา และนำไปสู่การอักเสบ ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน และอาจเกิดการติดเชื้อได้ด้วย แล้วเราจะทำยังไงกับขนคุดดี ? ขนคุด คือ อะไร แบบไหนถึงเรียกว่าขนคุด แล้วมีวิธีการดูแลตัวเองยังไงให้ปราศจากปัญหาขนคุดกวนใจ ไปอ่านกันได้เลยค่ะ
ขนคุด คือ อะไร ? มาทำความเข้าใจ พร้อมวิธีป้องกันและดูแลผิวเมื่อมีขนคุด !
นอกจากปัญหาผิวหนังอย่างแผลเป็นคีลอยด์ที่ทำให้เกิดความรำคาญและเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจแล้ว ขนคุดก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ชวนให้กังวลเช่นกัน โดยเฉพาะคุณสาวๆ ขนคุด (Keratosis Pilaris) เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งบริเวณที่มีการอุดตันจะทำให้เกิดตุ่มบวมนูนขึ้นมา เมื่อสัมผัสดูจะรู้สึกสากผิว มักเกิดขึ้นหลังจากการโกน แว็กซ์ หรือการกำจัดขนด้วยวิธีอื่นๆ ขนคุด คือ ขนที่งอกใหม่ตามร่างกายแต่ไม่สามารถทะลุชั้นผิวหนังขึ้นมาได้ เส้นขนจึงงอกยาวและม้วนงอกอยู่ใต้ชั้นผิว ทำให้บริเวณนั้นเกิดเป็นตุ่มนูนขึ้นมาและไม่เรียบเนียน ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ส่วนใหญ่แล้วขนคุด เกิดจากการกำจัดขนเช่นการโกนหรือแว็กซ์ ทำให้เส้นขนขาดอยู่ในชั้นผิวและติดค้างอยู่ในรูขุมขน และเกิดเป็นขนคุดขึ้น
เกร็ดสุขภาพ : ขนคุดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกส่วนของร่างกายที่มีขนขึ้น และพบได้ทั่วไปในบริเวณที่มีการโกนขนหรือแว็กซ์ขนบ่อยๆ เช่น ใบหน้า ขา และบริเวณบิกินี่ไลน์ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นในบริเวณอื่นๆ ได้เช่นกัน เช่น บริเวณรักแร้ ข้อศอก น่อง หัวเข่า บริเวณหลัง ลำตัว บริเวณหัวหน่าว แก้มก้น เป็นต้น
ขนคุด เกิดจากอะไร ?
สาเหตุของการเกิดขนคุดนั้น มาจากการสะสมเคราตินในร่างกายที่ผิดปกติ ซึ่งเคราตินเป็นโปรตีนที่อยู่ในรูขุมขน ช่วยป้องกันการติดเชื้อของผิวหนังและป้องกันสารอันตรายต่างๆ และเมื่อมีการสะสมเคราตินมากผิดปกติก็จะทำให้ชั้นผิวหนังหนาตัวขึ้น ขนที่งอกใหม่จึงไม่สามารถทะลุผิวหนังขึ้นมาได้และเกิดเป็นขนคุด ซึ่งเกิดจากหลายๆ ปัจจัยด้วยกัน ดังนี้
1. การกำจัดขนที่ไม่เหมาะสม
สาเหตุของการเกิดขนคุด คือการกำจัดขนในรูปแบบต่างๆ เมื่อโกน แว็กซ์ หรือถอนขนผิดทิศทาง อาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการระคายเคืองและมีการสะสมเคราตินที่ผิดปกติ ทำให้เกิดขนคุดได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องโกนหรือแว็กซ์ในทิศทางที่ขนขึ้นเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดขนคุดตามร่างกาย
2. ลักษณะขนมีความหยิกและหยาบ
ขนที่มีลักษณะหยิกหรือมีความหยาบมีแนวโน้มที่จะม้วนกลับเข้าสู่ผิวหนังตามธรรมชาติ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดขนคุดได้ การกำจัดขนด้วยการตัดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เส้นขนอ่อนนุ่มขึ้น จะช่วยลดโอกาสในการเกิดขนคุดตามผิวหนังได้
3. เกิดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
เมื่อเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมอยู่บนผิวอาจทำให้รูขุมขนอุดตันได้ ทำให้ขนที่งอกใหม่ไม่สามารถทะลุชั้นผิวหนังขึ้นมาได้และม้วนตัวเข้าไปใต้ผิวหนังซึ่งนำไปสู่ขนคุด การขัดผิวเป็นประจำด้วยการสครับผิวบ่อยๆ จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปและป้องกันไม่ให้รูขุมขนอุดตัน และยังทำให้ผิวใสดูเรียบเนียนขึ้นด้วย
4. การสวมเสื้อผ้ารัดรูป
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดขนคุด คือการสวมเสื้อผ้าที่รัดรูป ทำให้เนื้อผ้าเสียดสีกับผิวหนัง และทำให้รูขุมขนบริเวณผิวหนังเกิดการระคายเคืองและเกิดขนคุดขึ้น การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าหลวมๆ จะช่วยให้เกิดการระบายอากาศได้ดี ไม่เกิดการระคายเคืองบริเวณผิวหนัง และลดโอกาสในการเกิดขนคุดได้
5. ไม่ดูแลผิวของตัวเอง
การละเลยการดูแลผิว เช่น การไม่ขัดผิวหรือปล่อยให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื่น อาจส่งผลให้ผิวแห้ง คัน และหยาบกร้านได้ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเกิดขนคุด การขัดผิวเป็นประจำและบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอด้วยการทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวจะช่วยให้เรามีสุขภาพผิวที่ดีและป้องกันการเกิดขนคุดได้
วิธีรักษาขนคุด ต้องทำยังไงบ้าง ?
ตอนนี้ก็ทราบกันแล้วว่า ขนคุด เกิดจากอะไร และมีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เกิดขนคุด ถ้าไม่อยากมีขนคุดขึ้นตามบริเวณผิวหนัง เราสามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้ตามนี้ค่ะ
- ขัดผิวอย่างอ่อนโยน : การขัดผิวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปและช่วยเปิดรูขุมขน ทำให้ขนคุดที่อยู่ใต้ผิวหนังสามารถหลุดออกไปได้ การขัดผิวทำได้โดยการใช้ฟองน้ำนุ่มๆ สครับเบาๆ หรือใช้ใยขัดผิวขัดเป็นวงกลมเบาๆ ในบริเวณที่มีขนคุด ระวังอย่าขัดผิวแรงเกินไป เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองได้
- การประคบอุ่น : การประคบอุ่นช่วยลดการอักเสบและเป็นการเปิดรูขุมขน ทำให้เส้นขนหลุดออกจากพื้นผิวได้ง่ายขึ้น ทำได้โดยการแช่ผ้าสะอาดในน้ำอุ่น บิดหมาดๆ แล้วกดเบาๆ ในบริเวณที่เป็นขนคุดประมาณ 10 -15 นาที สามารถทำได้สองสามครั้งต่อวัน
- อย่าแคะหรือบีบ :ข้อควรระวังสำหรับการดูแลผิวที่เป็นขนคุด คือต้องหลีกเลี่ยงการแคะหรือบีบขนคุด เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง ติดเชื้อ หรือเกิดแผลเป็นมากขึ้นได้ และอาจทำให้เแบคทีเรียเข้าไปในรูขุมขน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ด้วย
- ใช้แหนบที่สะอาดดึงออก: หากเส้นขนยังติดอยู่ใต้ผิวหนังหลังจากทำการขัดผิวหรือประคบอุ่นเพื่อเปิดรูขุมขนเรียบร้อยแล้ว เราสามารถใช้แหนบที่สะอาดค่อยๆ ดึงเส้นขนออก ขั้นแรกให้ทำความสะอาดบริเวณที่เกิดขนขุดด้วยการเช็ดแอลกอฮอล์ และอย่าลืมเช็ดแหนบด้วยแอลกอฮอล์ด้วยเช่นกัน จากนั้นค่อยๆ ใช้แหนบดึงขนคุดออกมาตามแนวเส้นขน ทั้งนี้ ระมัดระวังไม่ให้แหนบบาดผิวหรือทำให้เกิดแผลในบริเวณนั้นๆ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้
- ใช้ยาทาเฉพาะที่: หลังจากกำจัดขนคุดแล้ว สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอักเสบและป้องกันการติดเชื้อได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกหรือเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านแบคทีเรีย หรือปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ เพื่อได้รับคำแนะนำอย่างเหมาะสม
- รักษาความสะอาด : สิ่งสำคัญคือต้องดูแลผิวบริเวณขนคุดให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติม ใช้สบู่อ่อนๆ ที่ปราศจากน้ำหอมถูเบาๆ และใช่น้ำอุ่นทำความสะอาดบริเวณนั้นอย่างอ่อนโยน ซับผิวให้แห้งด้วยผ้าสะอาด และหลีกเลี่ยงการถูหรือขัดถูบริเวณนั้นแรงๆ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบได้
ทั้งนี้ ถ้าหากดูแลขนคุดด้วยตัวเองแล้วยังไม่ดีขึ้น ผิวหนังเกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรงหรือมีการอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้กำจัดขนคุดได้อย่างถาวรและขจัดปัญหาการเกิดขุนขนบนผิวหนังได้ในระยะยาว หรืออาจเข้าคลินิกจำกัดขนเพื่อใช้เลเซอร์รักษาขนคุดก็ได้เช่นกัน
เกร็ดสุขภาพ : ขนคุดทำให้เกิดปัญหาผิวหนังอื่นๆ ได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ในบางกรณีอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ส่งผลให้เกิดอาการปวดที่เรียกว่ารูขุมขนอักเสบ นอกจากนี้ ขนคุดที่เกิดซ้ำๆ ในบริเวณเดียวกันอาจทำให้เกิดตุ่มเล็กๆ สีเข้มที่เรียกว่า pseudofolliculitis barbae หรือ razor bumps ตุ่มเหล่านี้อาจทำให้รู้สึกคัน ไม่สบายตัว และอาจทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
ขนคุด คือขนตามผิวหนังที่งอกใหม่ออกมาแล้วไม่สามารถทะลุผ่านผิวหนังออกมาได้ ทำให้เกิดการอุดตันใต้ผิวหนัง มักเกิดกับบริเวณที่มีการถอนหรือโกนขนเป็นประจำ เช่น ใบหน้า รักแร้ ขา และบริเวณบิกินี่ไลน์ ขนคุดอาจทำให้เกิดผื่นแดง เกิดการระคายเคือง และถ้าดูแลรักษาผิดวิธีก็อาจติดเชื้อได้ เพื่อป้องกันการเกิดขนคุด ควรขัดผิวเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่คับจนเกินไป และดูแลผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ทั้งนี้ หากมีอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อการมีสุขภาพผิวที่ดีค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : .healthline.com, aad.org
Featured Image Credit : freepik.com/master1305
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ