“เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡
วิตามินเค คืออะไร ? ให้ประโยชน์อะไรกับร่างกายของเรา !
วิตามินเค คือกลุ่มของสารประกอบที่ละลายในไขมัน มีส่วนช่วยการทำงานที่สำคัญหลายอย่างของร่างกายมนุษย์ วิตามินเคที่พบตามธรรมชาติมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่ วิตามินเค 1 และวิตามินเค 2 สำหรับวิตามินเค1 หรือฟิลโลควิโนน มักพบในผักใบเขียว เช่น ผักโขม (อ่านเรื่องผักโขมมีกี่ชนิดเพิ่มเติมได้อีก) ส่วนวิตามินเค2 นั้นซับซ้อนกว่าเล็กน้อยมีอีกชื่อคือ เมนาควิโนน จะพบในเนื้อสัตว์และร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์โดยแบคทีเรียในสำไส้ อย่างไรก็ตาม วิตามินเคทั้งสองก็ทำงานในกระบวนการที่คล้ายคลึงกันในร่างกายของมนุษย์ บทความนี้จะพาทุกคนไปเข้าใจเรื่องของ วิตามินเค คือ อะไร พร้อมแนะนำเรื่องของอาหารเสริมให้เป็นไอเดียในการเลือกซื้อกันค่ะ
ความสัมพันธ์ระหว่างเลือด กระดูก และ วิตามินเค คืออะไร ?
• ส่งเสริมการแข็งตัวของเลือด
เมื่อมีการพูดถึงการแข็งตัวของเลือด เพื่อนๆ อาจนึกถึงเซลล์เม็ดเลือดหรือเกล็ดเลือด แต่จริงๆ แล้ววิตามินเคมีความสำคัญต่อกระบวนการนี้มากกว่า แล้ววิตามินเค ช่วยอะไรกับประเด็นนี้ คือช่วยป้องกันไม่ให้เลือดออกมากเกินไป แม้ในบาดแผลขนาดน้อย โดยวิตามินเคนั้นช่วยสร้างโปรตีนที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดซึ่งเรียกว่า ปัจจัย II (prothrombin), VII, IX และ X และโปรตีนต้านการแข็งตัวของเลือด ที่เรียกว่า โปรตีน C, S และ Z
• ป้องกันโรคกระดูกพรุน บำรุงกระดูกให้แข็งแรง
เพื่อนๆ อาจสงสัยว่า เป็นหน้าที่ของแคลเซียมและวิตามินดีในการสร้างกระดูกให้แข็งแรง แต่จริงๆ แล้วมีโปรตีนที่ขึ้นอยู่กับวิตามินเคที่จำเป็นสำหรับสุขภาพกระดูก แล้ววิตามินเค ช่วยอะไร วิตามินที่ละลายในไขมันชนิดนี้จะทำงานร่วมกับเอนไซม์ที่เรียกว่า gamma-glutamyl carboxylase เพื่อกระตุ้นให้โปรตีน osteocalcin ทำงาน ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า carboxylation ซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของกระดูก
• ช่วยเพิ่มความจำในผู้สูงอายุ
โปรตีนที่ขึ้นกับวิตามินเค ไม่ได้ส่งผลต่อการสร้างกระดูกเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับเมแทบอลิซึมของสฟิงโกลิปิด ซึ่งเป็นกลุ่มของลิปิดที่พบได้ทั่วไปในเยื่อหุ้มเซลล์สมอง การเปลี่ยนแปลงของเมแทบอลิซึมของสฟิงโกลิปิดนั้น เชื่อมโยงกับการเสื่อมของความรู้ความเข้าใจของสมองและระบบประสาท ที่ก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์
• ลดความดันโลหิตลง
การได้รับวิตามินเคอย่างเพียงพอมีความสำคัญต่อสุขภาพของหัวใจเพราะช่วยป้องกันความดันโลหิตสูง และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ผลการศึกษาทางการแพทย์พบว่า หากระดับวิตามินดีและวิตามินเคในร่างกายต่ำลง จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่วิตามินทั้งสองสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับแคลเซียมในร่างกาย โดยไปช่วยควบคุมระดับแร่ธาตุในเลือดทำให้การสะสมหินปูนในหลอดเลือดลดลง แล้ววิตามินเค ช่วยอะไร เป็นการทำให้หลอดเลือดไม่ตีบแคบ การไหลของเลือดจึงสะดวก ทำให้ความดันโลหิตลดลงได้
เกร็ดสุขภาพ : ปริมาณวิตามินเคที่แนะนำต่อวันนั้นจะแตกต่างกันไปตามอายุ เพศ น้ำหนัก และปัจจัยอื่นๆ อีกหลายประการ อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่โดยทั่วไปคือ 70 ถึง 90 ไมโครกรัม
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามินเค คือ
• ผักโขม
ผักชนิดนี้มีคอเลสเตอรอลต่ำ อุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามินหลายชนิดรวมถึงวิตามินเค และธาตุเหล็ก ผักโขมนั้นดีต่อสุขภาพของกระดูก โดยเพื่อนๆ สามารถนำผักโขมมาทำอาหารได้หลายอย่างเพื่อเพิ่มวิตามินเคให้แก่ร่างกาย และเป็นอาหารวิตามินเอที่ดีในเวลาเดียวกันอีกด้วย
• เคล
เคลเป็นผักที่สมบูรณ์แบบที่จะช่วยให้มื้ออาหารของเพื่อนๆ อุดมไปด้วยวิตามินเค นอกจากนี้ยังมีใยอาหาร โปรตีน และกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง ลองทำสมูทตี้ผักเคลใส่บีทรูทดู นี่เป็นมื้ออาหารที่รวดเร็วและให้พลังงานระหว่างวันได้ดี
• บรอกโคลี
เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดชนิดหนึ่ง บร็อคโคลี่ที่ชุ่มฉ่ำ สด แน่น จำเป็นต้องปรุงให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ประโยชน์และรสชาติที่น่ารับประทาน
• กีวี
กีวีเต็มไปด้วยสารอาหารที่ส่งเสริมสุขภาพร่างกาย นอกจากวิตามินเคแล้ว กีวียังมาพร้อมวิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิด ลองเตรียมน้ำกีวีเพื่อดื่ม เพื่อนๆ จะรู้สึกสดชื่นขึ้นได้เลยทีเดียว
• ปลา
อาหารอีกชนิดที่อุดมไปด้วยวิตามินเค คือปลา เพื่อนๆ คงทราบมาแล้วว่าปลานั้นเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี แต่สิ่งที่อาจไม่รู้ก็คือมีปริมาณวิตามินเคที่สมบูรณ์ด้วยเช่นกัน บางทีนี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เพื่อนๆ ต้องเพิ่มเมนูปลาอบหรือปลาเผามาเป็นหนึ่งในมื้ออาหาร
แนะนำวิตามิน-อาหารเสริม
1. วิตามินเค2 ของ California Gold Nutrition
วิตามินเค2 ของ California Gold Nutrition เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจากอเมริกา โดยบทบาทของวิตามินเค คือ ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันภาวะเลือดไหลไม่หยุด โดยเฉพาะในผู้ที่มีบาดแผลหรือผู้ที่เข้ารับการผ่าตัด นอกจากนี้ในผู้หญิงที่มีอาการประจำเดือนมามากกว่าปกติ วิตามินยังช่วยบรรเทาอาการลงได้ ทำให้เหมาะกับการเป็นวิตามินรวมสำหรับผู้หญิงอีกด้วย
วิธีกิน : วันละ 1 เม็ด หลังอาหาร
ขนาดบรรจุ : 60 เม็ด/กล่อง
ราคาโดยประมาณ : 513.17 บาท
2. วิตามินเค2 ของ Healthy Origins
วิตามินเค2 ของ Healthy Origins มีปริมาณวิตามินเค2 100 ไมโครกรัม ซึ่งหน้าที่ของวิตามินเค คือ มีส่วนในกระบวนการแข็งตัวของเลือดและภาวะเลือดไหล รวมถึงมีช่วยส่วนในออสทิโอแคลซิน (Osteocalcin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูก
วิธีกิน : วันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
ขนาดบรรจุ : 60 เม็ด/กล่อง
ราคาโดยประมาณ : 640-685 บาท
3. วิตามินเค2 ของ Now Foods
วิตามินเค2 ของ Now Foods ขนาด 100 ไมโครกรัม/เม็ด โดยความสำคัญของวิตามินเค คือ มีสมบัติของการต้านอนุมูลอิสระ โดยไปชะลอการลุกลามของภาวะหลอดเลือดแข็ง รวมถึงชะลอภาวะการเสื่อมของอวัยวะต่างๆ เช่น กระดูกเปราะ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง
วิธีกิน : วันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร
ขนาดบรรจุ : 60 เม็ด/กล่อง
ราคาโดยประมาณ : 750-790 บาท
4. วิตามินเค2 ของ Doctor’s Best
วิตามินเคยี่ห้อนี้มีปริมาณของวิตามินเค2 100 ไมโครกรัม/เม็ด ซึ่งประโยชน์ของวิตามินเค คือ ช่วยให้ผู้มีบาดแผลสามารถสมานรอยแผลได้เร็วกว่าปกติเพราะลิ่มเลือดแข็งตัวเร็ว อีกทั้งยังช่วยในการเรียงตัวของกระดูกและทำให้กระดูกไม่เปราะง่าย ช่วยในการดูดซึมอาหาร และบรรเทาอาการประจำเดือนมามากกว่าปกติได้
วิธีกิน : วันละ 1 เม็ด หลังอาหาร
ขนาดบรรจุ : 60 เม็ด/กล่อง
ราคาโดยประมาณ : 590-790 บาท
5. วิตามินเค2 ของ Nature’s Truth
วิตามินเคของ Nature’s Truth ใน 1 เม็ดนั้นประกอบด้วยวิตามินเค2 ประมาณ 800 ไมโครกรัม และวิตามินดี3 ประมาณ 5,000 หน่วยสากล โดยข้อดีของวิตามินเค คือ มีส่วนในกระบวนการแข็งตัวของเลือด มีส่วนเสริมออสทิโอแคลซิน (Osteocalcin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กระดูก
วิธีกิน : วันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
ขนาดบรรจุ : 50 เม็ด/กล่อง
ราคาโดยประมาณ : 625 บาท
ภาวะการขาดวิตามินเค คือสิ่งที่พบได้ยาก มักพบในผู้ที่มีภาวะขาดสารอาหารทำให้ไม่สามารถดูดซึมวิตามินเคที่สร้างขึ้นตามธรรมชาติในทางเดินลำไส้ได้ รวมถึงผู้ที่มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารขั้นรุนแรง เช่น โรคถุงน้ำดี โรคซิสติก ไฟโบรซิส โรคเซลิแอค หรือโรคโครห์น จะไม่สามารถดูดซึมวิตามินเคได้ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงที่จะขาดวิตามินเคมากกว่าคนทั่วไป ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินเคจึงมีบทบาทและประโยชน์กับคนเหล่านี้
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : food.ndtv.com/health, livescience.com, ro.co
Featured Image Credit : freepik.com/idealspics
ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ