X

โรคร่าเริง เป็นยังไง ? ชวนรู้จักโรคชื่อดูสนุก แต่เป็นแล้วไม่สนุกเลยสักนิด !

เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡

โรคร่าเริง เป็นยังไง ? ชวนรู้จักโรคชื่อดูสนุก แต่เป็นแล้วไม่สนุกเลยสักนิด !

ด้วยวิถีชีวิตในปัจจุบันที่ทำให้คนมีไลฟ์สไตล์แตกต่างไปจากเดิม ทำให้มีกลุ่มคนอยู่จำนวนหนึ่งที่ชอบใช้ชีวิตในตอนกลางคืนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตที่ทำให้เรามีอะไรทำอยู่ตลอด ทั้งดูซีรีย์ เล่นเกม ไถฟีดโซเชียลออนไลน์ เล่นแอบพลิเคชั่นต่างๆ ในตอนกลางคืน หรือการเกิดโรคระบาด COVID – 19 ที่ทำให้มีวัฒนธรรมการทำงานแบบ Work From Home โดยที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศก็อาจจะทำให้บางคนนั่งทำงานยาวๆ ล่วงเลยเวลาไปจนถึงตอนกลางคืน และลากยาวไปถึงดึกๆ ดื่นๆ หรือคนที่มีอาชีพฟรีแลนซ์ไม่ว่าจะเป็นกราฟฟิกดีไซน์ โปรแกรมเมอร์ นักเขียน หรือครีเอทีฟ ที่ส่วนหนึ่งจะชอบทำงานตอนกลางคืนเนื่องจากบรรยากาศเงียบสงบและทำให้มีสมาธิ ก่อให้เกิดไอเดียโลดเล่น แต่รู้ไหมว่า การใช้ชีวิตในตอนกลางคืนเป็นหลักอาจทำให้เกิดโรคร่าเริงได้ เชื่อว่าหลายๆ คนที่ได้ยินชื่อโรคแล้วก็คงสับสนอยู่ในใจ โรคร่าเริง คืออะไร ? แล้วร่าเริงไม่ดีตรงไหน ? เกี่ยวอะไรกับวิถีชีวิตในตอนกลางคืน ไปหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยค่ะ

โรคร่าเริง เป็นยังไงกันแน่ ?

ผู้ที่มีอาการง่วงหงาวหาวนอนตอนกลางวัน แต่ตื่นตัวตอนกลางคืนอยู่เป็นประจำ คือคนที่เป็นโรคร่าเริง หรือ Lychnobite ซึ่งมักเห็นได้ชัดจากอาการกลางวันไม่ค่อยจะตื่น กลางคืนไม่ค่อยจะหลับ ในช่วงกลางวัน จะรู้สึกอ่อนเพลีย ง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย ไม่มีสมาธิในการทำงาน เนื่องจากร่างกายไม่ได้พักผ่อน แต่ในตอนกลางคืน จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ร่างกายตื่นตัวอย่างเต็มที่ ซึ่งมักพบได้บ่อยในวัยเรียนไปจนถึงวัยทำงาน หรือในกลุ่มอาชีพสายครีเอทีฟ โปรแกรมเมอร์ หรือคนทำงานฟรีแลนซ์ที่มักจะสมองแล่นหรือตื่นตัวในตอนกลางคืน และทำงานช่วงกลางคืนหรือใกล้ๆ เวลานอนเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย ดูเผินๆ ก็เหมือนเป็นไลฟ์สไตล์อีกแบบที่ไม่น่าจะส่งผลเสียอะไร แต่แท้จริงแล้ว ส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างมาก

พฤติกรรมของคนที่เป็นโรคร่าเริง

โรคร่าเริง, โรคร่าเริงตอนกลางคืน
Image Credit : freepik.com

มาดูกันค่ะว่า ผู้ที่เป็นโรคร่าเริงตอนกลางคืน มักจะมีพฤติกรรมใดบ้าง

  • อ่านหนังสือ เล่นเกม หรือทำงานในช่วงกลางคืนเป็นประจำ ลากยาวไปจนถึงตอนเช้ามืดหรือเช้าของวันใหม่
  • ชอบเล่นโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์เทคโนโลยีก่อนนอน ซึ่งแสงสีฟ้าจากหน้าจอเป็นตัวกระตุ้นให้ระบบประสามตื่นตัว ทำให้ไม่ง่วงนอน และนอนหลับยากกว่าปกติอีกด้วย (อ่านเติมเติม เล่นโทรศัพท์ในที่มืดเป็นเวลานาน เสี่ยงตาบอดจริงหรือไม่)
  • รู้สึกง่วงนอนตลอดทั้งวัน ไม่ชอบการตื่นเช้า เนื่องจากกลางคืนไม่ได้นอน หรือนอนหลับไม่สนิทเพราะทำกิจกรรมอย่างการอ่านหนังสือ ดูหนัง หรือทำงานก่อนนอน ทำให้สมองยังคงทำงานแม้ในขณะหลับ เมื่อตื่นจึงรู้สึกง่วงนอนตลอดทั้งวัน
  • กลายเป็นคนติดกาแฟ เพราะต้องการสิ่งที่ทำให้ตื่นตัว และทำให้เสพติดกาแฟได้ในที่สุด
  • มีสมาธิในช่วงกลางคืน โดยในช่วงกลางคืนสมาธิจะดีมาก และทำงานได้ดีกว่าช่วงตอนกลางวัน
  • อาจมีพฤติกรรมนอนดึกเพราะต้องการชดเชยเวลาในช่วงกลางวันที่ต้องทำงานและไม่ได้มีเวลาเป็นของตัวเอง เรียกว่า Revenge Bedtime Procrastination คือ การเสียสละเวลานอนหลับเพื่อที่จะใช้เวลาว่างส่วนตัว หรือนอนดึกเพื่อแก้แค้นนั่นเอง

ผลกระทบจากการเป็นโรคร่าเริง

โรคร่าเริง, โรคร่าเริงตอนกลางคืน
Image Credit : freepik.com

ในบางคนที่ทำงานเป็นฟรีแลนซ์หรือไม่ได้มีเวลาทำงานแบบตายตัว ส่งผลทำให้มีพฤติกรรมของโรคร่าเริงตอนกลางคืนเนื่องจากสะดวกกับไลฟ์สไตล์และการทำงานมากกว่า ดูเผินๆ ก็เหมือนจะดี แต่แท้จริงแล้วโรคร่าเริ่งส่งผลเสียต่อเรามากกว่าที่คิด ดังนี้

  1. ฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ โดยเฉพาะ Growth Hormone ที่จะหลั่งออกมาช่วยฟื้นฟูซ่อมแซมร่างกายในช่วง 22.00 – 02.00 น ซึ่งถ้ายังไม่นอนในช่วงนี้ Growth Hormone ก็ไม่สามารถหลั่งได้อย่างเต็มที่ ส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ผิวพรรณไม่สดใส การเผาผลาญพลังงานน้อยลง อยากกินของหวานๆ เพราะร่างกายต้องการพลังงาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคอ้วนได้ 
  2. ประจำเดือนมาผิดปกติ เนื่องจากความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป 
  3. ลำไส้ทำงานผิดปกติ เนื่องจากนอนและตื่นไม่เป็นเวลา ทำให้รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา หรือรับประทานไม่ครบมื้อ ลำไส้ทำงานไม่ปกติ ส่งผลทำให้ระบบขับถ่ายแปรปรวน และอาจท้องผูกได้ง่าย
  4. เสี่ยงต่อการเป็นโรคอื่น ๆ เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม เบาความ ความดันโลหิตสูง 
  5. ส่งผลกระทบกับการเรียนหรือการทำงาน โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องใช้ชีวิตในช่วงกลางวันอยู่ ซึ่งทำให้เรียนได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ หรือทำงานได้ไม่เต็มที่ และส่งผลเสียกับการทำงานได้

เกร็ดสุขภาพ : การนอนดึกหรืออดนอน ทำให้เกิดสิวได้ เนื่องจากการนอนดึกทำให้ร่างกายเกิดความเครียดขึ้น เพราะมีเวลาพักผ่อนฟื้นฟูสภาพผิวน้อยลง ทำให้หน้ามันมากขึ้น รูขุมขนขยาย เกิดสิวเห่อ สิวอักเสบขึ้นได้

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก่อนที่จะสายเกินไป

ใครที่รู้ตัวว่าตัวเองสุ่มเสี่ยงจะเป็นโรคร่าเริง เนื่องจากมีพฤติกรรมตามที่กล่าวมาแบบเป๊ะๆ ต้องขอบอกว่า ให้รีบเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะคนที่เลยช่วงวัยรุ่นไปแล้วเนื่องจากร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้เหมือนเก่า และถ้ายิ่งไม่หลับไม่นอนด้วยแล้ว ร่างกายก็ย่อมเสื่อมถอยและสึกหรออย่างแน่นอนค่ะ มาดูกันดีกว่าว่า เราจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไรได้บ้าง

โรคร่าเริง, โรคร่าเริงตอนกลางคืน
Image Credit : freepik.com

1. ปรับนาฬิกาชีวิต และเข้านอนให้เป็นเวลา

คนที่เป็นโรคร่าเริงตอนกลางคืน แม้ช่วงแรกๆ อาจจะทำได้ยากเนื่องจากนอนดึกติดต่อกันมานาน แต่อย่างน้อยก็ขอให้ปรับมาเป็นไม่เกินเที่ยงคืน และปรับเวลาเข้านอนไวขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่ Growth Hormone จะได้หลั่งอย่างเต็มที่ และร่างกายจะได้ฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเอง จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น

2. เตรียมตัวให้พร้อมกับการนอน

ก่อนนอน 2 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์เทคโนโลยีที่มีแสงสีฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เล่นเกม หรือท่องโลกอินเทอร์เน็ต ให้งดทั้งหมด เพื่อที่จะให้ร่างกายและสมองไม่ถูกรบกวนก่อนนอนและนอนหลับได้ง่ายขึ้น ควรทำกิจกรรมเบาๆ อย่างการอ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเบาๆ สักเล่ม หรือฟังดนตรีบำบัด เป็นต้น

เกร็ดสุขภาพ : การดื่มชาสมุนไพรก่อนนอนที่ไม่มีคาเฟอีน เช่น ชาคาโมมายล์ จะช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น หรือการดื่มนมอุ่นๆ ก่อนอนสักแก้ว ก็จะช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น เนื่องจากในนมมีสารเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ง่วงนอนได้

3. ปรับเปลี่ยนอาหารการกิน

อาหารจำพวกแป้งจะทำให้รู้สึกง่วงนอน จึงไม่ควรรับประทานมากเกินไปในช่วงกลางวัน และโปรตีนจะทำให้ร่างกายตื่นตัวได้มากกว่า ดังนั้น จริงควรรับประทานโปรตีนเป็นหลักในช่วงกลางวัน และงดทานโปรตีนหนักๆ ในช่วงกลางคืนเพราะจะทำให้ร่างกายตื่นตัวและนอนหลับยากขึ้นได้ หรือจะรับประทาน วิตามิน คนนอนน้อย เพื่อบำรุงร่างกายเสริมควบคู่ไปด้วยก็ได้ค่ะ

โรคร่าเริง, โรคร่าเริงตอนกลางคืน
Image Credit : freepik.com

4. ดื่มน้ำให้มากๆ

ร่างกายคนเราต้องการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว การดื่มน้ำเยอะๆ จะทำให้ร่างกายสดชื่น เป็นการเติมออกซิเจนให้กับสมอง ทำให้ไม่อ่อนเพลีย และตื่นตัวมากขึ้น

5. หันมาออกกำลังกายบ้าง

การออกกำลังกาย นอกจากจะเป็นการเผาผลาญพลังงาน และเป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายแล้ว ยังช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดสูบฉีดได้ดีขึ้น และรู้สึกกระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง อาจแก้ไขอาการอ่อนเพลียง่วงนอนในช่วงกลางวันได้ และการออกกำลังกายยังทำให้นอนหลับง่ายขึ้นในช่วงกลางคืนด้วย

โรคร่าเริง โดยเฉพาะอาการร่าเริงตอนกลางคืน แม้จะฟังดูสนุก แต่ถ้าใครที่กำลังเป็นโรคนี้อยู่ คงรู้ว่าไม่สนุกเลยสักนิด เพราะทำให้นาฬิกาชีวิตผิดเพี้ยน ระบบต่างๆ ของร่างกายก็รวน แถมยังทำให้ผิวพรรณไม่สดใส หน้าตาหมองคล้ำจากการอดหลับอดนอนอีกต่างหาก และส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกมากมาย รู้อย่างนี้แล้ว ลองหันมาดูแลตัวเองด้วยการปรับเวลานอนให้เป็นปกติมากขึ้น และฝึกให้ตัวเองมีระเบียบวินัยโดยการทำงานในตอนกลางวันให้เสร็จ และใช้เวลาพักผ่อนในตอนกลางคืนอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะได้มีสุขภาพที่ดีขึ้น และห่างไกลโรคต่างๆ นะคะ

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : keckmedicine.org, blog.inkyfool.com, samitivejhospitals.com

Featured Image Credit : freepik.com/tirachardz

ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ

ติดต่อโฆษณา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้การวิเคราะห์

    เราขออนุญาติใช้คุกกี้นี้เก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ เพื่อประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดีขึ้นให้กับคุณ

Save