X

ไม่กล้าไว้ใจ กลัวการไว้ใจคนอื่น ชวนรู้จัก Pistanthrophobia โรคกลัวการไว้ใจ เรากำลังเป็นอยู่หรือเปล่า ?!

เพื่อสุขภาพ” ชุมชนสุขภาพ เรื่องราวตรงใจ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย รุ่นไหนก็รัก ♡

ไม่กล้าไว้ใจ กลัวการไว้ใจคนอื่น ชวนรู้จัก Pistanthrophobia โรคกลัวการไว้ใจ เรากำลังเป็นอยู่หรือเปล่า ?!

การไว้เนื้อเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะในความสัมพันธ์แบบไหนก็ตาม ทั้งกับคนในครอบครัว คนรัก หรือในหมู่เพื่อน เพราะทำให้เราวางใจในคนๆ นั้นได้และไม่มีความหวาดระแวง ไม่รู้สึกคลางแคลงใจหรือตะขิดตะขวงใจในสิ่งที่คนอื่นทำ การไม่ไว้ใจกันอาจก่อให้เกิดปัญหาในความสัมพันธ์ หากเป็นในเชิงของคู่รักก็อาจนำมาซึ่งความหึงหวงและเกิดความขัดแย้งได้ ทั้งนี้ ในบางคนนั้นเป็นคนที่ไม่กล้าไว้ใจคนอื่นเลย จนถึงขั้นเป็นโรคที่เรียกว่า Pistanthrophobia หรือโรคไม่กล้าไว้ใจคนอื่น จนทำให้มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในสังคมได้ โรคนี้เป็นอย่างไร มีสาเหตุมาจากอะไร สามารถแก้ไขได้มั้ย มาอ่านกันเลยค่ะ

ชวนรู้จัก Pistanthrophobia หรือโรคกลัวการไว้ใจคนอื่น ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?!

Pistanthrophobia, ไม่ไว้ใจ
Image Credit : freepik.com

โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว เมื่อมีความใกล้ชิดผูกพันกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็จะเกิดความไว้ใจต่อกัน ความไว้ใจ หมายถึง การที่เราเชื่อว่า คนๆ นั้นจะไม่ทำร้ายเราทั้งทางร่างกายและจิตใจ มีความจริงใจกับเรา ซื่อสัตย์กับเรา และเราสามารถเชื่อถือเขาได้ สามารถพึ่งพาหรือขอความช่วยเหลือคนๆ นั้นได้ แต่ถ้าคนๆ หนึ่งถูกทำร้ายจิตใจ ถูกทรยศ โดนหักหลัง หรือถูกหลอกลวง ถูกทำให้ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะจากคนที่สนิทหรือจากคนใกล้ชิด ก็ส่งผลให้เกิดความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น และถ้าโดนทำให้รู้สึกผิดหวังหรือโดนหลอกซ้ำๆ ความไว้เนื้อเชื่อใจก็จะหายไปในที่สุด และคนๆ นั้นก็จะสร้างเกราะป้องกันตัวเองขึ้นมาโดยการที่ไม่ไว้ใจผู้อื่นอีกต่อไป เป็นกลไกป้องกันทางจิตของมนุษย์ที่เกิดขึ้น และอาจเกิดเป็นโรค Pistanthrophobia หรือโรคกลัวการไว้ใจคนอื่นได้

โรค Pistanthrophobia คือความกลัวในการไว้ใจคนอื่น แม้กระทั่งคนรอบข้างหรือคนใกล้ตัว ปิดกั้นตัวเองและไม่ยอมให้ใครเข้ามารู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ไม่เข้าไปทำความรู้จักกับคนอื่นให้ลึกซึ้ง ทำความรู้จักกับผู้คนแค่เพียงผิวเผิน แม้ว่าคนรอบข้างจะไม่ได้มีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้ใจแต่อย่างใด ทั้งนี้ โรคกลัวการไว้ใจเป็นรูปแบบหนึ่งของโรคกลัว หรือ Phobia เช่นเดียวกันกับโรคกลัวความรัก โรคกลัวการผูกมัด และโรคกลัวอื่นๆ

เกร็ดสุขภาพ : โรคกลัวการไว้ใจคนอื่นอาจนำมาซึ่งปัญหาในความสัมพันธ์ได้ เพราะความไว้ใจมีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดหรือบทบาทอะไร เพราะความไว้วางใจต่อกันก่อให้เกิดความสุขในการดำเนินชีวิตทั้งในด้านชีวิตส่วนตัวและในด้านการทำงาน และปราศจากความรู้สึกคลางแคลงใจ ไม่มีความตะขิดตะขวงใจหรือระแวงว่าจะถูกทำร้ายหรือโดนทรยศหักหลัง ซึ่งความรู้สึกลบๆ นี้จะทำให้ไม่มีความสุขในชีวิต

โรค Pistanthrophobia มีสาเหตุมาจากอะไร ?

Pistanthrophobia, ไม่ไว้ใจ
Image Credit : freepik.com

โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่เป็นโรคกลัวการไว้ใจคนอื่นมักจะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีในความรักความสัมพันธ์ เช่น ถูกทรยศหักหลังจากคนใกล้ตัว ถูกทำร้ายจากคนที่เคยไว้ใจมาก่อน โดนหลอกหรือโดนโกหกจากคนที่รักเป็นประจำทำให้เกิดความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือมีความสัมพันธ์ที่เป็น Toxic Relationship ถูกนอกใจ อยู่ในความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยการโกหกหลอกลวง ไม่มีความซื่อสัตย์และความจริงใจต่อกัน ทำให้เกิดกลไกป้องกันตัวเองขึ้นโดยการไม่ไว้ใจใครอีก แม้จะมาในรูปแบบความสัมพันธ์ไหนก็ตาม ทั้งยังเกิดความกลัว มีความวิตกกังวล กลัวการสร้างความสัมพันธ์ครั้งใหม่ และไม่กล้าไว้ใจใครอีกเพราะกลัวว่าจะต้องเจอกับเหตุการณ์เดิมๆ ที่ทำให้เจ็บปวดนั่นเองค่ะ

นอกจากนี้ ในบางคนที่อาจไม่ได้มีประสบการณ์นั้นๆ โดยตรง แต่เห็นคนที่ตัวเองรักโดนทรยศหักหลัง ก็อาจนำไปสู่ความกลัวการไว้ใจคนอื่นได้เช่นกัน เช่น อยู่ในครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ Toxic เห็นพ่อนอกใจแม่ หรือเห็นแม่นอกใจพ่อ เห็นการโกหกทรยศหักหลังกันในครอบครัว ก็อาจทำให้กลัวการไว้ใจคนอื่นและไม่ไว้ใจใครได้เหมือนกันค่ะ

อาการของโรค Pistanthrophobia เป็นอย่างไร ?

Pistanthrophobia, ไม่ไว้ใจ
Image Credit : freepik.com

วิธีการเช็กว่า เราเข้าข่ายเป็นโรคกลัวการไว้ใจผู้อื่นหรือเปล่า สามารถดูได้จากอาการดังนี้

  • มักหลีกเลี่ยงการสนทนาหรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคนใหม่ๆ 
  • ปฏิเสธการจีบ การออกเดท หรือการมีความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกกับคนอื่น เพราะกลัวการไว้ใจอีกฝ่าย
  • ต้องการที่จะหลีกหนีบทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ใกล้ชิด เพราะรู้สึกอึดอัดหรือเกิดความวิตกกังวล
  • คนที่เป็นโรค Pistanthrophobia มักตัดสินคนอื่นก่อนที่จะได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย
  • ยึดติดอยู่กับตัวเองตลอดเวลา ไม่ยอมเปิดใจให้ใคร 
  • ไม่สนใจความช่วยเหลือจากผู้อื่น ปฏิเสธความช่วยเหลือ ติดอยู่กับความคิดที่ว่า คนอื่นพูดโกหกกับเราหรือไม่จริงใจกับเรา
  • ไม่คิดขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่ว่าจะลำบากขนาดไหนหรือเจออันตรายทั้งทางร่างกายหรือจิตใจก็ตาม

เกร็ดสุขภาพ : ในบางคนที่มีบุคลิกภาพไม่ค่อยไว้ใจคนอื่น หรือไว้ใจคนอื่นยาก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรค Pistanthrophobia เสมอไป บางคนอาจไว้ใจคนอื่นยากเพราะมีประสบการณ์ความรักที่ไม่ดี หรือถูกเพื่อนร่วมงานหักหลัง ทำให้เกิดความกลัวและมีความวิตกกังวลโดยปกติ ส่งผลให้เป็นคนระมัดระวังตัวมากขึ้นหรือไม่เชื่อใจใครง่ายๆ แต่ความกลัวการไว้ใจคนอื่นที่เรียกว่าเป็นโรคได้นั้น ต้องได้รับการวินิจฉัยโดยผู้เชี่ยวชาญ และจะต้องมีความรุนแรง เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานพอที่จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน และไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้

โรค Pistanthrophobia สามารถรักษาได้หรือไม่

โรคกลัวการไว้ใจคนอื่นเป็นโรคทางสุขภาพจิตอย่างหนึ่ง สามารถรักษาได้ด้วยการพูดคุยกับนักจิตวิทยาหรือนักจิตบำบัดเพื่อปรับมุมมองและปรับพฤติกรรม ถ้าหากว่าโรคกลัวการไว้ใจคนอื่นนั้นรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันและทำให้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และการเข้าสังคม และอาจเป็นการตัดโอกาสที่จะได้พบเจอคนดีๆ ในชีวิตได้ ถ้าหากว่ากลัวการไว้ใจคนอื่น เราจะสามารถปรับมุมมองความคิดของตัวเองได้อย่างไร ทำได้ตามนี้ค่ะ

1. ให้เวลากับตัวเองและให้เวลากับคนอื่น

การเปลี่ยนพฤติกรรมโดยกะทันหันไม่สามารถทำได้ในทันที ดังนั้นเราต้องให้เวลากับตัวเองในการปรับเปลี่ยนทัศนคติ และให้เวลากับคนที่เข้ามาในชีวิตด้วย โดยส่วนใหญ่แล้ว คนที่กลัวการไว้ใจผู้อื่นจะตัดสินคนอื่นอย่างรวดเร็วว่าดูไม่น่าไว้ใจและไม่จริงใจ การให้เวลาตัวเองได้ทำความรู้จักกับคนอื่นมากขึ้น จะช่วยให้เราไม่รีบตัดสินคนอื่นไปก่อนและสามารถสร้างความสัมพันธ์กับคนใหม่ๆ ได้

2. กล้าที่จะเปิดใจกับคนอื่นมากขึ้น

Pistanthrophobia, ไม่ไว้ใจ
Image Credit : freepik.com

การเปิดใจอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะโดนทรยศหักหลังได้อีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกัน การเปิดใจก็เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้รับสิ่งดีๆ เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองมีความสุขด้วยเช่นกัน และจงรู้ไว้ว่า ตัวเรานั้นเข้มแข็งกว่าที่ตัวเองคิดไว้อยู่เสมอ แม้ว่าจะเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายมาก่อนจนไม่กล้าไว้ใจใคร แต่ถ้าเรายังลุกขึ้นได้และฮีลใจตัวเองได้มาจนถึงตอนนี้ ถ้ามันเกิดเหตุร้ายขึ้นจริงๆ ตัวเราก็จะต้องผ่านมันไปได้อีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ

3. ปล่อยวางและให้อภัย

การให้อภัยกับคนที่ทำไม่ดีกับเรานั้น ไม่ใช่เพื่อเขาคนนั้น แต่เพื่อตัวเราเอง เมื่อเราสามารถให้อภัยและปล่อยวางมันไปได้ เราก็จะสามารถ Move on และเดินหน้าต่อไปได้ ทำให้เราสามารถเริ่มต้นใหม่และกล้าที่จะไว้ใจคนอื่นได้อีกครั้ง

4. อย่าคิดว่าอนาคตจะจบแบบเดิม

ประสบการณ์ร้ายๆ ที่เคยเกิดขึ้นนั้น อาจเป็นช่วงหนึ่งของชีวิต แต่ไม่ได้เป็นสิ่งที่จะมากำหนดชีวิตทั้งหมดของเรา เมื่อเราสร้างความสัมพันธ์กับคนใหม่หรือเปิดใจทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ ย่อมเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ และไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่า จะต้องจบลงแบบเดิมเสมอไป บางครั้งเราอาจจะกังวลและคิดมากไปก่อนก็ได้ ทั้งนี้ เราสามารถเตรียมพร้อมไว้ก่อนได้ว่า หากเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้นจริง เราจะรับมือกับมันอย่างไร เราจะฮีลใจตัวเองยังไง ซึ่งอาจช่วยให้เรารู้สึกกังวลกับอนาคตน้อยลง

ความรู้สึกไม่ไว้ใจนั้นนำมาซึ่งความคลางแคลงใจความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ และโรคกลัวการไว้ใจคนอื่นก็อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา เพราะจะส่งผลในด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่นและอาจเป็นการตัดโอกาสตัวเองได้ ทั้งในเรื่องการงานและความสัมพันธ์ เพราะอย่างไรเสียคนเราก็ต้องอยู่ร่วมกันในสังคมและมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถ้าไม่มีความไว้ใจต่อกันก็อาจจะทำให้ดำเนินชีวิตได้ยากและทำให้ชีวิตไม่มีความสุขได้ ในทางกลับกัน การมีคนที่เราสามารถไว้ใจได้อย่างเต็มร้อย ก็ทำให้เรามีความมั่นคงทางใจ รู้สึกปลอดภัยและมีความสุขได้ค่ะ

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : healthline.com, sdrelationshipplace.com, legit.ng

Featured Image Credit : freepik.com

ติดตามเราได้ที่ … เฟสบุ๊ค : เกร็ดสุขภาพ

ติดต่อโฆษณา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้การวิเคราะห์

    เราขออนุญาติใช้คุกกี้นี้เก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ เพื่อประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดีขึ้นให้กับคุณ

Save